สรท.ปรับเป้าส่งออกใหม่ จับตายุโรปล็อคดาวน์-เลือกตั้งสหรัฐฯ

กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์
กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์

สรท.เผยส่งออก ก.ย.หดตัว 3.86% เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้น พร้อมปรับเป้าส่งออกทั้งปีหดตัวน้อยลง ที่ 7% จากคาดการณ์เดิม 8-10% คาดสองเดือนส่งท้ายปีเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ จับตาโควิด ระลอก2 ยุโรปล็อกดาวน์ การเลือกตั้งสหรัฐฯเขย่ามาตรการกระตุ้นการคลัง

วันที่ 3 พ.ย. 2563 นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การส่งออกเดือนกันยายน 2563 หดตัวร้อยละ 3.86 คิดเป็นมูลค่าการส่งออกที่ 19,621 ล้านเหรียญสหรัฐ และการส่งออกในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ หดตัวร้อยละ 7.33 คิดเป็นมูลค่าการส่งออกที่ 172,996 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยเป็นตัวเลขการส่งออกที่หดตัวน้อยลงจากที่ได้มีการประเมินไว้ เนื่องจากสินค้าในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าน้ำมันปาล์ม ผัก ผลไม้สดแช่แข็ง อาหารกระป๋องแปรรูป รวมถึงผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องปรุงรส ผลิตภัณฑ์ยาง อุปกรณ์และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ ถุงมือยาง

ดังนั้น สรท. ปรับคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2563 หดตัวลดลงมาอยู่ที่ลบ 7% จากเดิมลบ 8-10% โดยมีปัจจัยบวกแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกเริ่มฟื้นตัว การปรับประมาณการเศรษฐกิจทั่วโลกที่เป็นไปทิศทางดีขึ้นจากช่วงต้นปี อาทิ IMF และ World bank รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศจีนและสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีทางเศรษฐกิจที่เริ่มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ ดัชนี PMI ที่ระดับมากกว่า 50 (สะท้อนถึงการขยายตัวการผลิต) และคำสั่งซื้อทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น

ส่งผลให้ ทิศทางการส่งออกไทยที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งและคาดว่าจะถึงสิ้นปี จากอัตราการหดตัวของการส่งออกที่เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดในเดือนพฤษภาคม 2563 เช่นเดียวกับการหดตัวน้อยลงของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม รวมถึงสินค้ากลุ่มที่สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ ผักผลไม้แช่เย็นแช่แข็งแปรรูป อาหารสำเร็จรูป สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้ากลุ่ม work from home อาทิ สินค้าเฟอร์นิเจอร์ สะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจในภาค real sector ที่เริ่มฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

Advertisment

ขณะที่ ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ได้แก่ การระบาดโควิด-19 ระลอก 2 กลุ่ม EU อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ส่งผลให้มีการกลับมาประกาศใช้นโยบาย Lockdown เป็นระยะเวลาอย่างต่ำ 1 เดือน แต่ประเมินว่าไม่กังวลและไม่สาหัสเท่ารอบแรก การจับจ่ายน่าจะอยู่ในสภาวะที่รับมือได้มากขึ้น

แต่ค่าเงินบาทที่ทรงตัวในระดับที่แข็งค่า จากแนวโน้มการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณชะลอการฟื้นตัว และแรงกดดันภายนอกจากความไม่แน่นอนของสหรัฐฯ การเลือกตั้งที่ตะเกิดขึ้นจะมีผลในการออกมาตรการกระตุ้นทางการคลัง

“ที่น่าจับตาคือ การนำเข้าที่ยังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าทุนที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวกลับค่อนข้างยากและอาจมีสถานการณ์ชะลอตัวเช่นนี้ไปจนถึงต้นปี 2564 เป็นอย่างน้อย สะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร”

ทั้งนี้ สรท.ขอให้รัฐบาลเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นประเทศคู่ค้า ในเรื่อง Thai Covid-19 Recovery การปรับเพิ่มของอัตราค่าระวางและค่าบริการภายในประเทศ (Local Charge) ปัญหาปริมาณระวาง/ปริมาณตู้สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ เร่งรัดการพิจารณาแก้ไขปัญหาการให้บริการและอัตราค่าบริการท่าเทียบเรือชายฝั่ง  พร้อมรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับทื่ 34 บาท

Advertisment

นอกจากนี้ ขอให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาช่วยเหลือหาทางออกให้กับอุตสาหกรรมน้ำตาลส่งออก จากกรณีที่เวียดนามเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดและอุดหนุน (AD/CVD) ตามข้อเรียกร้องจากสมาคมน้ำตาลและอ้อยเวียดนาม (VSSA) และผู้ผลิตน้ำตาลในประเทศ อีกด้วย