“เดลต้า” โปรยยาหอมไม่ทิ้งไทย เปิดแผนบุกอีวี-5G ปั๊มยอดขาย 6 หมื่นล้าน

เดลต้าไม่ทิ้งไทย

“เดลต้า อีเลคโทรนิคส์” มั่นใจปี 2564 ยอดโต 10% เฉียด 7 หมื่นล้าน จับตาวิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่ เผยเหตุผลเลือกไทยเป็นฐานลงทุนมานาน 34 ปี เพราะแรงหนุนมาตรการรัฐ ภูมิศาสตร์ และโลจิสติกส์ฮับ พร้อมเปิดแผนบุกกลุ่มพลังงานสะอาด 5G และ EV

นายแจ็คกี้ จาง ประธานบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA กล่าวในโอกาสที่บริษัทแม่เดลต้า ประเทศไต้หวันครบรอบ 50 ปีว่า เดลต้ายังมีนโยบายลงทุนในไทย โดยเดลต้า ประเทศไทยซึ่งลงทุนในไทยมานาน 34 ปีแล้ว เพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิต เนื่องจากไทยมีลักษณะภูมิศาสตร์ที่ดี เป็นโลจิสติกส์ฮับ และยังมีการสนับสนุนจากภาครัฐ

โดยเดลต้าฯ มีความพร้อมและจะยังคงสนับสนุนเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในส่วนเทคโนโลยีใหม่ เช่น IOT และ 5G รวมไปถึงพลังงานหมุนเวียน พลังงานทดแทน ธุรกิจ EV โดยเฉพาะสถานีชาร์จด้วย

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นความท้าทายที่บริษัทต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เพราะการระบาดในรอบใหม่อาจส่งผลต่อการนำเข้าวัสดุเพื่อใช้ในการผลิต

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2564 เดลต้า ประเทศไทย ยังมั่นใจว่ายอดขายจะสามารถเติบโตได้ถึง 10% จากปี 2563 มียอดขาย 63,000 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักยังคงได้แรงสนับสนุนจากดีมานด์กลุ่มพลังงานสะอาด

รวมทั้งจากธุรกิจ data center และความต้องการของสินค้า 3 กลุ่มหลักที่เดลต้ามี ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ (power) อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ พาวเวอร์ซัพพลาย อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ พัดลมและการจัดการความร้อน มีสัดส่วน 50%

ในส่วนนี้เดลต้าฯถือเป็นผู้นำในตลาด, กลุ่มระบบอัตโนมัติ (automation) อาทิ การจัดการด้านโรงงานสำหรับอุตสาหกรรมและอาคาร มีสัดส่วน 25%

ดังนั้น เดลต้าฯจึงลงทุนเรื่องคนสร้างนักวิศวกรด้านหุ่นยนต์ขึ้นมา โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งจะเป็นการรองรับอุตสาหกรรม automation ในอนาคต และกลุ่มระบบโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) อาทิ การสื่อสารด้าน ICT เทคโนโลยีสารสนเทศ พลังงานทั้งโซลาร์และแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงสถานีชาร์จ EV ที่ขณะนี้กระจายตั้งในห้างสรรพสินค้าแล้วหลายแห่ง

“สิ่งที่จะเห็นเดลต้าฯนับจากนี้คือ เราผลิตสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ล่าสุดเราเปิดตัว Digital Projection Insight 8K ซึ่งเป็นเครื่องฉายเลเซอร์ 8K เครื่องแรกของโลก สำหรับตลาดประเทศไทย และเราจะมีสินค้าที่เกี่ยวกับ EV ยอมรับว่า EV Car ในไทยการใช้ยังน้อยเมื่อเทียบกับประเทศที่ใช้มากที่สุดถึง 50% อย่างนอร์เวย์ ซึ่งคงเป็นเพราะราคา ดังนั้น รัฐจะต้องสนับสนุนสิ่งที่จะช่วยให้คนซื้อรถได้ง่ายขึ้น เป็นต้น”

ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโรงงานที่ 7 ในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับการย้ายฐานมาที่ไทย คาดว่าจะเปิดดำเนินการเร็ว ๆ นี้