ชมรมคนรักเหมืองทองยื่นหนังสือให้กำลังใจ จนท.รัฐ เพื่อประโยชน์ประชาชนสูงสุด

ชมรมคนรักเหมืองทองเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รมว.อุตสาหกรรม ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศ อย่างไม่ท้อถอยต่อคำข่มขู่ของกลุ่มคนนอกพื้นที่

วันที่ 17 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 เวลา 10.30 น.ที่ผ่านมา ชมรมคนรักเหมืองทองตัวแทนประชาชนรอบเหมืองทองอัครา ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เข้ายื่นหนังสือถึงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้กำลังใจกับ รมว. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศ อย่างไม่ท้อถอยต่อคำข่มขู่ของกลุ่มคนนอกพื้นที่ที่สร้างความสับสนแตกแยกเพื่อผลประโยชน์แอบแฝง โดยมีนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผู้รับหนังสือ

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยังกล่าวขอบคุณชมรมที่สละเวลามาในครั้งนี้ และยืนยันกับชาวบ้านว่า การดำเนินการทุกอย่างที่เกี่ยวกับเหมืองทองเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย พยายามทำทุกอย่างอย่างเปิดเผยโปร่งใส

จากนั้นเวลา 13.30 น. ชมรมเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมี ดร.มงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือซึ่งมีใจความสำคัญว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีให้กำลังใจและกำชับหน่วยงานภาครัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศ

โดยชาวบ้านยืนยันว่า เหมืองไม่เคยก่อผลกระทบด้านสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมตามที่ถูกกลุ่มคนนอกพื้นที่กล่าวหา ในทางกลับกัน เหมืองช่วยสร้างงานสร้างรายได้ และนำรายได้เข้าสู่ประเทศ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

ดังนั้น จึงไม่สามารถทนเห็นความฝันที่จะได้กลับมาทำงานใกล้บ้าน ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เศรษฐกิจชุมชนกลับมาคึกคัก ต้องถูกทำลายลงเพราะคนกลุ่มเดียว ทั้งนี้ ได้มีการโชว์บัตรประชาชนเพื่อยืนยันว่าทุกคนที่มาในวันนี้เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบเหมืองตัวจริง และมอบน้ำดื่มให้กระทรวงอุตฯ และทำเนียบเพื่อยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตรอบเหมืองนั้นสะอาด บริโภคได้อย่างปลอดภัย

โดยในหนังสือที่มายื่นนั้น ระบุว่า ตามที่มีข่าวกลุ่มบุคคลอ้างเป็นตัวแทนประชาชนรอบเหมืองทองชาตรีของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ในเขตรอยต่อ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิจิตร จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลก คุกคามและกดดันหน่วยงานราชการต่าง ๆ โดยกล่าวหาและให้ข้อมูลเท็จและบิดเบือนเกี่ยวกับเหมืองทองสร้างความสับสนและความเข้าใจผิดให้แก่ประชาขนมาโดยตลอด

อีกทั้งยังข่มขู่และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ตามกระบวนการกฎหมายของเจ้าหน้าที่ ซึ่งรวมถึงกรณีการกดดันให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ เช่น ท่านวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ท่านสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอดีตข้าราชการท่านอื่น ๆ นั้น

ชมรมคนรักเหมืองทอง (“ชมรม”) ซึ่งประกอบด้วยอดีตพนักงานเหมือง พ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่อาศัยจริงในพื้นที่รอบเหมืองทอง ขอเป็นตัวแทนเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ยืนยันว่า การดำเนินงานของเหมืองทองไม่เคยมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของประชาชนแต่อย่างใด เพราะพวกเราอาศัยอยู่ในพื้นที่มาโดยตลอดและไม่เคยประสบปัญหาใด ๆ ตามที่กลุ่มคนนอกพื้นที่ใส่ร้าย ในทางกลับกัน เหมืองทองถือเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของชุมชน โดยก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมากในชุมชน ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้นำมาจับจ่ายใช้สอยอุดหนุนพ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่น

นอกจากนี้ ยังสร้างรายได้แก่ประเทศผ่านการชำระภาษีและค่าภาคหลวง ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งได้รับการจัดสรรกลับมาสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของเหมืองนำมาใช้ในการพัฒนาชุมชน ในขณะที่รายได้ส่วนที่เหลือก็สามารถนำมาพัฒนาประเทศเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนต่อไป

ตั้งแต่เหมืองหยุดดำเนินกิจการมาจนกระทั่งปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้วที่ประชาชนรอบเหมืองที่แท้จริงเฝ้ารอด้วยความหวังว่าการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายจะพิสูจน์ให้ความจริงซึ่งประชาชนรอบเหมืองตัวจริงต่างรู้อยู่แล้วเป็นที่ประจักษ์ว่า เหมืองทองไม่ได้สร้างปัญหาสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมใด ๆ และไม่ได้ก่อให้เกิดความแตกแยกในชุมชนตามที่กลุ่มคนนอกพื้นที่ที่ไม่หวังดีกล่าวหา และเหมืองจะได้กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง

ในการนี้ ตัวแทนชมรมจึงขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาล คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยืนหยัดปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนและกระบวนการทางกฎหมาย โดยไม่ต้องหวั่นเกรงต่อคำข่มขู่กดดันของกลุ่มผู้มีผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งไม่ได้สะท้อนเสียงของประชาชนรอบเหมืองที่แท้จริง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติต่อไป

เกือบ 5 ปีแล้วที่พวกเรา…
ฝัน…ที่ครอบครัวจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากัน
ฝัน…ที่จะเห็นชุมชนที่เงียบเหงากลับมาคึกคัก
ฝัน…ที่จะมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
หวังว่าความฝันของพวกเราจะไม่ถูกทำลายลงด้วยคนเพียงกลุ่มเดียวอีกต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง (นายธนัช สมมีชัย) ประธานที่ปรึกษาชมรม (นายชัยพร สุดสิน) ประธานชมรม