แห่ถอยป้ายแดงรถแบตเตอรี่ BEV ม.ค. พุ่ง 74% ทะลุ 600 คัน อานิสงส์มาตรการรัฐ

ส.อ.ท.ชี้อานิสงส์มาตรการรัฐ กระตุ้นตลาดรถยนต์ จับตารถยนต์ไฟฟ้าโต 2 เท่าตัว ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภทแบตเตอรี่ (BEV) ม.ค. 2565 พุ่ง 74.44% ถอยป้ายแดง 628 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมปีที่แล้วร้อยละ 74.44

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าจากรัฐบาลได้เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การประกันรายได้เกษตรกร การกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ยิ่งใช้ยิ่งได้ ฯลฯ และการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ รวมทั้งการส่งเสริมการขายของผู้จำหน่ายรถยนต์ และการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายนนี้ จะช่วยให้ยอดขายรถยนต์ไตรมาสแรกเติบโตขึ้น

 

สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์

ทั้งนี้จะเริ่มเห็นได้จากจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม 2565 มีทั้งสิ้น 151,747 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2564 ร้อยละ 2.45 จากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศที่ผลิตได้ 74,708 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.88 และมีสัดส่วนเดือนนี้ถึงร้อยละ 49.23 ของยอดผลิตทั้งหมด ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ

เช่นเดียวกับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมกราคม 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 69,455 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2564 ร้อยละ 19.37 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 25.8 เพิ่มขึ้น

Advertisment

ขณะที่การผลิตเพื่อส่งออกเดือนมกราคม 2565 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 77,039 คัน เท่ากับร้อยละ 50.77 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม 2564 ร้อยละ 10.21 ซึ่งการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปส่งออกได้ 69,833 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2564 ร้อยละ 5.80 เพราะผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกลดลงจากมกราคม 2564 ร้อยละ 58.24 ขาดเซมิคอนดักเตอร์ ส่งผลให้ส่งออกลดลงเกือบทุกตลาดยกเว้นตลาดออสเตรเลียและอเมริกากลางอเมริกาใต้ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.09 และ 78.75 ตามลำดับ

สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภทแบตเตอรี่ (BEV) เดือนมกราคม 2565 มีจำนวนรถจดทะเบียนใหม่ 628 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมปีที่แล้วร้อยละ 74.44 ณ วันที่ 31 มกราคม 2565 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 12,005 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 100.58

นายสุรพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่าปีนี้คาดว่าจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่ป้ายแดงจะมีประมาณ 4,000-5,000 คัน เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวจากปี 2564 มีประมาณ 1,800-1,900 คัน เนื่องจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ ที่มีเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนตามนโยบายของรัฐบาลและความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ยูเอ็นเอฟซีซีซี) เพื่อกำหนดมาตรการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ปี 2563 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

“ปีนี้คาดว่าจะมีการนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ราคาถูกลงอยู่ที่ประมาณคันละ 3-6 แสนบาท ซึ่งถูกลงมากจากในอดีตที่ขายคันละประมาณ 2-5 ล้านบาท แต่ขายได้ปีละแค่ 100 คัน มาปี 2563 ขายได้กว่า 1,200 คัน คันละประมาณ 1 ล้านบาทบวกลบ แต่ปีนี้รัฐมีนโยบายส่งเสริมชัดเจน ส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดรถยนต์และโดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า ที่ประเมินว่าน่าจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นตามมา”

Advertisment