สหรัฐ ประกาศปรับสถานะคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยดีขึ้น ในรอบ10 ปี

สหรัฐฯ ประกาศปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยดีขึ้นรอบ 10 ปี หลุดจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ เป็นประเทศที่ต้องจับตามอง – ไทยลุ้นสหรัฐให้สิทธิจีเอสพีต่ออีก

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 15 ธันวาคม 2560 เวลาประเทศไทย ประมาณ 22.00 น. นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (United States Trade Representative: USTR) ได้ประกาศปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ของไทยภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) จากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง พิเศษ (Priority Watch List: PWL) เป็นบัญชีประเทศท่ีต้องจับตามอง (Watch List: WL) หลังจากที่ได้จัดให้ ไทยอยู่ในบัญชีPWL มาเป็นเวลา 10 ปีนับ ตั้งแต่ปี 2550 – 2560 ก่อนที่ได้ประกาศทบทวนสถานะของไทยนอกรอบ (Out-of- Cycle Review: OCR) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2560

ในการประกาศผลครั้งนี้ USTR ระบุว่า สหรัฐฯ ตระหนักถึงความก้าวหน้าอย่างมีนัยยะสาคัญ ในการพัฒนาด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทย โดยมีการกาหนดนโยบาย ที่ชัดเจนในระดับสูงภายใต้คณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน ทำให้มีการดำเนินการอย่างจริงจังจนเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องการปราบปราม การละเมิดในท้องตลาด

ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทหารทั้งสามเหล่าทัพ สำนักงานตารวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย ทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและ สังคม สำนักงาน กสทช. กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นต้น ดำเนินการอย่างจริงจังจนการละเมิด ได้หมดสิ้นไปในหลายพื้นที่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 เป็นต้นมา

รวมทั้งมีการจัดตั้งศูนย์ปราบปราม การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อออกตรวจตราจับกุมใน 5 ย่านการค้าสำคัญ คือ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค ตลาดนัด จตุจักร ตลาดโรงเกลือ (จังหวัดสระแก้ว) หาดป่าตอง และหาดกะรน (จังหวัดภูเก็ต)

นอกจากนี้USTR เห็นถึงความพยายามของไทยในการแก้ไขข้อกังวลของภาคเอกชนสหรัฐฯ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาโดยตรง เช่น การพัฒนาประสิทธิภาพในการจดทะเบียนสิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า โดยเพิ่มจำนวนผู้ตรวจสอบ และปรับปรุงขั้นตอนการจดทะเบียน จนทำให้สามารถ ลดปริมาณงานค้างสะสมลงไปอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งการเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริดว่าด้วยการจดทะเบียน เครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งช่วยอานวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่จะยื่นขอจดทะเบียน เครื่องหมายการค้าในประเทศใดประเทศหนึ่งแต่สามารถขอรับความคุ้มครองได้ในประเทศภาคีหลายประเทศ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่มิได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาโดยตรงเช่นการเสริมสร้างความโปร่งใสโดยเปิดให้มี การรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสียของสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นประจำ ซึ่งช่วยคลายความกังวลของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องลงไปได้มาก อนึ่ง การที่ไทยได้รับการปรับสถานะให้ดีขึ้นจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น ด้านการค้าการลงทุนของประเทศในสายตาของผู้ค้าและนักลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่มีการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาในการขับเคลื่อนธุรกิจ

นอกจากนี้ ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหนึ่งในปัจจัยสาคัญที่สหรัฐฯ พิจารณาในการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ GSP ซึ่งสหรัฐฯ ให้แก่ประเทศคู่ค้าต่างๆ รวมถึงไทยด้วย

นายสนธิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าความสำเร็จในครั้งนี้ นอกจากเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในระดับนโยบายแล้ว ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้บูรณาการ การทำงานร่วมกันมาอย่างเข้มแข็ง และเชื่อมั่นว่าจะมีการบูรณาการการทางานเช่นนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ พัฒนาการด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทยและการปรับสถานะ ของไทยออกจากบัญชี PWL จะมีส่วนสาคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของประเทศ นอกจากนี้ การพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทยถือเป็นกลไกสาคัญในการขับเคลื่นนโยบาย “Thailand 4.0” และนำประเทศไทยก้าวข้ามไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง และขอให้การปรับสถานะของไทยที่บรรลุผลในครั้งนี้ เป็นของขวัญปีใหม่สาหรับคนไทยทุกคน