ศธ.ออกนโยบายป้องกันการขัดผลประโยชน์ในองค์กร บุคลากรห้ามรับสินบน

พลตำรวจเอกเพิ่มพูน​ ชิด​ชอบ
พลตำรวจเอกเพิ่มพูน​ ชิด​ชอบ

กระทรวงศึกษาธิการ ออกนโยบาย​ป้องกันการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม​ บุคลากร ข้าราชการทุกสังกัดห้ามรับสินบน ถือเป็นการทุจริต สั่งจัดทำรายงานสรุปการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่น ๆ ที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท

วันที่ 26 กันยายน​ 2566​ พลตำรวจเอกเพิ่มพูน​ ชิด​ชอบ​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ศึกษาธิการ​ ลงนามในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ​ เรื่อง การป้องกันการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม​

พลตำรวจเอกเพิ่มพูนกล่าวว่า เนื่องจาก​การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม และการให้-รับสินบน​ เป็นประเด็นสำคัญที่ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง ทั้งในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ หากเกิดการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม​ มักจะนำไปสู่การทุจริตในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอยู่เสมอ

โดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 หมวด 6 มาตรา 126 มาตรา 127 และมาตรา 128 ได้กำหนดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ

โดยได้กำหนดทิศทางไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (21) ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อกำหนดแนวทางบริหารจัดการความเสี่ยงเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมของกระทรวงศึกษาธิการ​ (ศธ.)​

Advertisment

ดังนั้น ​เพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบกับเจ้าพนักงานของรัฐ​ ป้องกันมิให้เกิดปัญหาการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม อันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และเป็นการป้องปรามมิให้บุคลากรภายในหน่วยงานกระทำการซึ่งอาจเป็นความผิดทางอาญา ทางวินัย หรือกฎหมายอื่น

ศธ.จึงกำหนดให้การป้องกันการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม เป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วน ซึ่งจำเป็นที่ทุกหน่วยงานในสังกัดจะต้องดำเนินการ เพื่อให้การดำเนินงานมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ จึงเป็น​ที่มา​ของ​การลงนามประกาศดังกล่าว​

พลตำรวจเอกเพิ่มพูนกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน​ยังออกแนวทางการปฏิบัติ​ตามประกาศฯ​ เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรสังกัด​ ศธ.​ยึดถือและปฏิบัติตามหลักในการป้องกันเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม การกระทำที่เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดหรือการให้-รับสินบนอยู่เสมอ​

รวมถึงสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงานและไม่เข้าไปมีส่วนได้เสียในกิจการที่ตนสังกัด​ กำหนด​ให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความลับของราชการโดยเคร่งครัด​ จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ภายใน​ ศธ. เพื่อสร้างความเข้าใจและกระตุ้นเตือนกรณีที่อาจเกิดความสุ่มเสี่ยงในการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดในโอกาสต่าง ๆ​ เช่น เทศกาลปีใหม่ เกษียณอายุราชการ เลื่อนตำแหน่ง/ระดับ เป็นต้น

Advertisment

นอกจากนี้ ต้องจัดให้มีการคุ้มครอง ช่วยเหลือผู้แจ้งข้อมูล เบาะแส หรือร้องทุกข์กล่าวโทษ​ หรือการยกย่อง ชมเชย การให้รางวัลแก่บุคลากรสังกัด​ ศธ. ในการส่งเสริมการป้องกัน​ และปราบปรามการทุจริตตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต​ ตลอดจน​ให้ทุกหน่วยงานในสังกัด​ ศธ.​ จัดทำรายงานสรุปการรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท และข้อร้องเรียนเรื่องการให้-รับสินบน ของบุคลากรในสังกัดต่อหัวหน้าส่วนราชการของแต่ละหน่วยงานทราบเป็นประจำทุก 6 เดือน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานเพื่อให้การดำเนินงานมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้