ศุภมาส อิศรภักดี รมว.กระทรวงการอุดมศึกษาฯ หารือ รมว.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น หนุนพัฒนากำลังคนผ่าน “สถาบันโคเซ็น” พร้อมสร้างนวัตกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ และสร้างสังคมที่เข้มแข็งของทั้งสองประเทศ
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมผู้บริหารกระทรวง อว. ได้พบนายนิชิมูระ ยาซูโตชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (Ministry of Economic, Trade and Industry-METI) และคณะ ที่สำนักงานปลัดกระทรวง อว.
นางสาวศุภมาสกล่าวว่า ไทยและญี่ปุ่นเป็นทั้งมิตรและหุ้นส่วนความร่วมมือที่สำคัญต่อกัน ในปี 2566 นี้ เป็นปีที่ทั้งสองประเทศได้ประสานความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน-ญี่ปุ่น ครบรอบ 50 ปี ซึ่งประเทศไทยได้รับมอบหมายให้เป็น Country Coordinator ระหว่างปี 2564-2567 โดยได้มีการจัดกิจกรรมขึ้นหลากหลายโครงการ
เช่น การประชุมเชิงปฏิบัติการ ผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม การประชุม JASTIP Session เพื่อกำหนดวิสัยทัศน์ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น สู่ปี 2050 การประชุม ASEAN Space Workshop ภายใต้หัวข้อ Space Weather และการจัดงาน ASEAN Innovation Week ในหัวข้อที่เกี่ยวกับ Carbon Neutrality และ ASEAN Green Economy เป็นต้น
ที่สำคัญเมื่อช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ตนยังได้มีโอกาสพบปะกับหน่วยงานภาคเอกชนและหน่วยงานพันธมิตรด้านอวกาศของประเทศญี่ปุ่นในงาน Thailand Space Week 2023 โดยได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ นวัตกรรมด้านอวกาศ รวมทั้งด้านอื่น ๆ ร่วมกันอีกด้วย
นางสาวศุภมาสกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ หน่วยงานของประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และองค์การพัฒนาพลังงานและเทคโนโลยีอุตสาหกรรมใหม่ (NEDO) ยังได้มีการลงนามความร่วมมือภายใต้กรอบ BCG Model ของประเทศไทยและ Green Growth Strategy ของประเทศญี่ปุ่น
เป็นการสร้างเครือข่ายร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ นักวิจัย และภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ เพื่อมุ่งหวังไปสู่การพัฒนานวัตกรรม ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รวมถึงด้านการศึกษาร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในปัจจุบันและอนาคต
“ขณะที่ในด้านการพัฒนากำลังคน กระทรวง อว.ยังได้จัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็นในประเทศไทย ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น เพื่อผลิตวิศวกรนักปฏิบัติโคเซ็น ที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
ทั้งนี้ นักศึกษารุ่นแรกกำลังจะจบการศึกษาในปี 2567 นี้ ซึ่งตนเชื่อว่าบัณฑิตจากสถาบันโคเซ็นจะเป็นที่ต้องการและได้ทำงานในภาคอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ และพวกเขาเหล่านี้จะเป็นความหวังในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทยต่อไป”
ด้านนายนิชิมูระกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยานยนต์ของญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาลงทุนดำเนินธุรกิจในไทยนับเป็นห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญและนำไปสู่การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ร่วมกัน โดยนโยบายของญี่ปุ่นมุ่งเน้นการร่วมสร้างสรรค์ (Co-creation) ผ่านโครงการความร่วมมือ เชิงนวัตกรรมในลักษณะที่เป็น flagship program
อาทิ การใช้ดิจิทัลเพื่อความก้าวหน้าด้านการเกษตร AI การแพทย์ยุคใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวง อว. ทั้งนี้ ขอขอบคุณ รมว.กระทรวง อว.ที่เชื่อมั่นในนวัตกรรมและองค์ความรู้ของประเทศญี่ปุ่น รวมถึงให้การต้อนรับเป็นอย่างดีเสมอมา ประเทศญี่ปุ่นยินดีสร้างนวัตกรรมเพื่อนำไปสู่การร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่และสร้างสังคมที่เข้มแข็งของทั้งสองประเทศ