รื่นวดี ร่วมเสนอความเห็น “พัฒนาตลาดคริปโต” ในงานสัมมนา FII ที่ซาอุฯ

เลขาธิการ ก.ล.ต.ไทย ร่วมนำเสนอความเห็นการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัล ในงานสัมมนานานาชาติ FII กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย

วันที่ 28 ตุลาคม 2565 นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เข้าร่วมนำเสนอความเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการสินทรัพย์ดิจิทัลในงานสัมมนา นานาชาติ Future Investment Initiative (FII) ครั้งที่ 6 หัวข้อ “Writing the Rules of Crypto” ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565

ตามที่สถาบัน Future Investment Initiative Institute (FII) มีหนังสือเรียนเชิญ เลขาธิการ ก.ล.ต. เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ “Writing the Rules of Crypto” ในงานสัมมนานานาชาติ FII ครั้งที่ 6 เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการสินทรัพย์ดิจิทัลร่วมกับผู้ประกอบการ ได้แก่

Sam Blatteis (Co-Founder & CEO, The MENA Catalysts), Ola Doudin (Co-Founder & CEO, BitOasis) และ Michelle Ritter (Founder & CEO, Steel Perlot Management) โดยมี Edie Lush (Executive Producer & Co-Host, Global GoalsCast) เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งประกอบด้วยประเด็นสนทนา ดังนี้

Advertisment

1. แนวทางการส่งเสริมการพูดคุยหารือระหว่างผู้ลงทุน ผู้พัฒนา ผู้ประกอบธุรกิจ และภาครัฐ

2.ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น หากภาครัฐไม่ได้มีการกำกับดูแลเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน และ

3.มุมมองอนาคตของตลาดและธุรกิจที่เกี่ยวกับธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซี ในอีก 15 ปีข้างหน้า

เลขาธิการ ก.ล.ต. ให้ความเห็นว่า การส่งเสริมแนวทางการหารือระหว่างภาครัฐ เอกชน และผู้ลงทุนจะเกิดขึ้นได้ต้องเชื่อว่าความร่วมมือระหว่างกันจะเกิดผลประโยชน์ร่วมกัน โดย ก.ล.ต. ได้มีการหารือกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง และการออกร่างประกาศหลักเกณฑ์หรือแนวคิดต่าง ๆ จะดำเนินการจัดให้มีการเปิดรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องและประชาชน ซึ่ง ก.ล.ต. พร้อมที่จะรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ด้วย

Advertisment

ก.ล.ต. ยึดถือนโยบายการสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมสนับสนุน พัฒนานโยบาย และการคุ้มครองผู้ลงทุนในระดับที่เหมาะสม และเนื่องจากธุรกิจที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นธุรกิจที่ดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน และมีการทำธุรกรรมข้ามประเทศ (cross-border/borderless) ความร่วมมือระหว่างประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มสมาชิก International Organization of Securities Commissions (IOSCO) และในระดับภูมิภาคจึงมีความสำคัญเช่นกัน

สำหรับบัญชีการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีในประเทศไทย มีการเติบโตอย่างรวดเร็วมาก จากปี 2562 ซึ่งมีประมาณ 100,000 บัญชี เป็นประมาณ 3 ล้านบัญชี ภายในเวลา 3 ปี ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ใช้เวลากว่า 40 ปี จึงมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในจำนวนใกล้เคียงกัน ก.ล.ต. จึงได้ส่งเสริมความรู้ผ่านการสร้างหลักสูตรคริปโท 101 มีการออกคำเตือนผู้ซื้อขายซึ่งบางส่วนเป็นเยาวชน ได้รับทราบถึงความเสี่ยง

และที่สำคัญได้เน้นย้ำว่าการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ควรต้องเข้าใจในรายละเอียดและความเสี่ยง รวมถึงไม่ควรลงทุนแบบกลัวตกกระแส (Fear of Missing Out : FOMO)

อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. สนับสนุนการระดมทุนโดยใช้เทคโนโลยี เช่น การออกเสนอขายโทเคนดิจิทัล (digital token) เพื่อระดมทุน ดังนั้นหากภาครัฐไม่ได้ทำการกำกับดูแลอาจทำให้มีการหลอกหลวง หรือการกระทำอันไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจกระทบกับความเชื่อมั่นในการซื้อขายและส่งผลกระทบต่อผู้ลงทุน

สำหรับมุมมองในอนาคตอีก 15 ปีข้างหน้า เลขาธิการ ก.ล.ต. ให้ความเห็นว่า “เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ได้ชัดเจน ด้วยเรื่องนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง (dynamic) อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. ยึดหลักการส่งเสริมและการพัฒนานวัตกรรมควบคู่ไปกับการคุ้มครองผู้ลงทุนในระดับที่เหมาะสมและใช้หลักการกำกับดูแลแบบ “same activity same risk same rule” และมุ่งให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ซื้อขายอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา รวมทั้งให้ความร่วมมือกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ”