บริษัทอสังหาฯใหญ่เผย “คำสั่งศาลฎีกา” ให้คู่กรณีคืนเงินมัดจำ 145 ล้าน

ค่าเงินบาท บาทแข็ง

บริษัทอสังหาฯ “รีชี่ เพลซ 2002” เผยคำสั่งศาลฎีกา สั่งให้คู่กรณี บริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้คืนเงินมัดจำ 145 ล้านพร้อมดอกเบี้ย หลังเคยจะซื้อโครงการคอนโดฯย่านถนนสุขุมวิท 49 มูลค่า 945 ล้านบาท แต่ยกเลิก เหตุตรวจพบความไม่เรียบร้อยตามแบบและมาตรฐานก่อสร้าง

วันที่ 7 เมษายน 2566  บริษัท ริซี่ เพลช 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY โดยนางศรัณย์ธร ศรีสุนทร เลขานุการบริษัท แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีให้บริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) คืนเงินมัดจำโครงการคอนโดมิเนียมวอร่า ถนนสุขุมวิท 49 ว่า

บริษัท ริซี่ เพลช 2002 จำกัด (มหาชน) ขอเรียนแจ้งสรุปรายละเอียดในคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับเงินมัดจำโครงการวอร่า ถนนสุขุมวิท 49 จากบริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) โดยสรุปคำพิพากษาของศาลฎีกาดังนี้

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 คณะกรรมการมีมติอนุมัติให้ซื้อโครงการวอร่า ถนนสุขุมวิท 49 จากบริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 945 ล้านบาท แต่ต่อมาการประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้ยกเลิกการซื้อโครงการดังกล่าว เนื่องจากได้ตรวจพบความไม่เรียบรัอยดามแบบก่อสร้างและมาตรฐานที่คู่สัญญาได้ดกลงกันไว้ พร้อมทั้งจะดำเนินการติดตามขอรับเงินมัดจำดังกล่าวคืนจากผู้ขายต่อไป

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2559 บริษัทได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ผู้จะขายชำระคืนเงินมัดจำ จำนวน 145 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2558 นอกจากนี้ยังขอให้ผู้จะขายชำระค่าเสียหายหนึ่งเท่าของเงินมัดจำ และชำระค่าเสียหายที่บริษัทต้องเสียจากการทำสัญญาจะซื้อจะขายอีก 8.87 ล้านบาท รวมถึงได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณาใดยขอให้ศาลสั่งอายัดทรัพย์สินของผู้ขายจำนวน 109 ห้อง

Advertisment

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเงินมัดจำ จำนวน 145 ล้านบาท ให้กับบริษัทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.50 ต่อปี นับจากวันที่ 6 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 145,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันที่ 6 ตุลาคม 2558 เป็นตันไป จนถึงวันที่ 10 เมษาขน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยให้ปรับเปลี่ยนลดลงหรือเพิ่มขึ้น ได้ตามพระราชกฤษฎีกาซึ่งตราขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์มาตรา 7 ที่แก้ไขใหม่ บวกด้วยอัตราเพิ่มรัอยละ 2 ต่อปี แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

Advertisment