บริษัทอสังหาฯ “รีชี่ เพลซ 2002” เผยคำสั่งศาลฎีกา สั่งให้คู่กรณี บริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้คืนเงินมัดจำ 145 ล้านพร้อมดอกเบี้ย หลังเคยจะซื้อโครงการคอนโดฯย่านถนนสุขุมวิท 49 มูลค่า 945 ล้านบาท แต่ยกเลิก เหตุตรวจพบความไม่เรียบร้อยตามแบบและมาตรฐานก่อสร้าง
วันที่ 7 เมษายน 2566 บริษัท ริซี่ เพลช 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY โดยนางศรัณย์ธร ศรีสุนทร เลขานุการบริษัท แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีให้บริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) คืนเงินมัดจำโครงการคอนโดมิเนียมวอร่า ถนนสุขุมวิท 49 ว่า
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- กรมอุตุฯเตือน รับมือฝนตกหนักอีกรอบ 17-19 พ.ค.นี้ หนักสุดถึง 70% ของพื้นที่
บริษัท ริซี่ เพลช 2002 จำกัด (มหาชน) ขอเรียนแจ้งสรุปรายละเอียดในคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับเงินมัดจำโครงการวอร่า ถนนสุขุมวิท 49 จากบริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) โดยสรุปคำพิพากษาของศาลฎีกาดังนี้
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 คณะกรรมการมีมติอนุมัติให้ซื้อโครงการวอร่า ถนนสุขุมวิท 49 จากบริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 945 ล้านบาท แต่ต่อมาการประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้ยกเลิกการซื้อโครงการดังกล่าว เนื่องจากได้ตรวจพบความไม่เรียบรัอยดามแบบก่อสร้างและมาตรฐานที่คู่สัญญาได้ดกลงกันไว้ พร้อมทั้งจะดำเนินการติดตามขอรับเงินมัดจำดังกล่าวคืนจากผู้ขายต่อไป
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2559 บริษัทได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ผู้จะขายชำระคืนเงินมัดจำ จำนวน 145 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2558 นอกจากนี้ยังขอให้ผู้จะขายชำระค่าเสียหายหนึ่งเท่าของเงินมัดจำ และชำระค่าเสียหายที่บริษัทต้องเสียจากการทำสัญญาจะซื้อจะขายอีก 8.87 ล้านบาท รวมถึงได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณาใดยขอให้ศาลสั่งอายัดทรัพย์สินของผู้ขายจำนวน 109 ห้อง
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเงินมัดจำ จำนวน 145 ล้านบาท ให้กับบริษัทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.50 ต่อปี นับจากวันที่ 6 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 145,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันที่ 6 ตุลาคม 2558 เป็นตันไป จนถึงวันที่ 10 เมษาขน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยให้ปรับเปลี่ยนลดลงหรือเพิ่มขึ้น ได้ตามพระราชกฤษฎีกาซึ่งตราขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์มาตรา 7 ที่แก้ไขใหม่ บวกด้วยอัตราเพิ่มรัอยละ 2 ต่อปี แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี