คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (17-21 เม.ย. 2566) แกว่งตัวไซด์เวย์ดาวน์
โดย “สรพล วีระเมธีกุล” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า ดัชนี SET Index ถูกแรงเทขายทำกำไรโดยนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันเป็นส่วนใหญ่
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
มองไปในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า (24-28 เม.ย. 2566) “สรพล” ชี้ว่า ภาพ SET Index ยังขาดปัจจัยใหม่สนับสนุนให้ดัชนีขึ้นได้แรง ๆ ซึ่งประเมินกรอบแนวรับที่ 1,550-1,585 จุด เนื่องจากประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้ง โดยจะเห็นได้ค่อนข้างชัดว่าสถิติก่อนการเลือกตั้ง ส่วนใหญ่นักลงทุนต่างชาติมักจะ Wait and See เพื่อไปรอดูผลการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2566 เลย
ประกอบกับนักลงทุนรอติดตามการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (บจ.) งวดไตรมาส 1/2566 ของกลุ่มธนาคารและพลังงาน ทั้งในและต่างประเทศ จากนั้นจะมีการประชุม FOMC (คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ) ในช่วงวันที่ 3-4 พ.ค. 2566
อย่างไรก็ดี กำไรหุ้นแบงก์ไทย 3 แห่ง ได้แก่ TTB, KTB, BBL ที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ถือว่าค่อนข้างดีและเซอร์ไพรส์ตลาด รวมถึงแบงก์ต่างประเทศโดยเฉพาะธนาคารใหญ่ในอเมริกา (Goldman Sachs, JP Morgan, CITI, Wells Fargo) ที่กังวลว่าต้องตั้งสำรองสูงจากผลกระทบ SVB ก็ไม่ได้น่ากลัวนัก จึงน่าจะเป็นปัจจัยผ่อนคลายความกังวลกลุ่มแบงก์ลงไปได้
สำหรับกลยุทธ์ลงทุน แนะนำกลุ่ม Quality Growth อาทิ KLINIQ, WARRIX รวมถึงหุ้นกลุ่ม Tech Consult ที่ปรับตัวลงมากว่า 30-35% เริ่มกลับมาทยอยสะสมได้ ทั้ง BBIK, BE8 ส่วนหุ้นขนาดใหญ่เมื่อไม่มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ จะเป็นลักษณะแกว่งตัวแคบ ๆ แนะนำเลือกหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ส่วนกลุ่มพลังงานแนะนำให้ Wait and See ไปก่อน