สศช.ห่วงคนไทยออมลดลง แนะ “ปลูกไม้มีค่า-เลี้ยงสัตว์”

ไทยออมลดลง

สศช.ชี้ครัวเรือนไทยออมลดลง เหตุกว่า 72% ออมน้อย แถมเริ่มออมช้า-ออมตอนอายุมากแล้ว ส่งผลให้มีเงินไม่พอใช้จ่ายในรอบ 1 ปี เสนอครัวเรือนเกษตรกรออมรูปแบบทางเลือก “ปลูกไม้มีค่า-เลี้ยงสัตว์” ระบุต้นทุนต่ำ-ให้ผลตอบแทนดี

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ด้านการออมในประเทศไทยในปัจจุบัน จากการสำรวจพบว่า กว่า 72 % ของครัวเรือนไทยมีการออมเงิน แต่มูลค่าการออมไม่สูง และเริ่มออมตอนมีอายุค่อนข้างสูงแล้ว โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 42 ปี

ขณะเดียวกัน มูลค่าการออมเฉลี่ยก็มีแนวโน้มลดลง จากในปี 2558 มูลค่าการออมเฉลี่ยอยู่ที่ 194,427 บาทต่อครัวเรือน ลดลงเหลือ 143,844 บาทต่อครัวเรือน ในปี 2564 ส่งผลให้ 86% ของครัวเรือนไทยมีเงินออมไม่เพียงพอในการใช้จ่ายในเวลา 1 ปี

“ในกรณีที่การออมที่เป็นตัวเงินอาจจะมีข้อจำกัด จากเรื่องค่าครองชีพ หรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในครัวเรือน ดังนั้น การออมทางเลือกในรูปของการปลูกต้นไม้ยืนต้นที่เป็นไม้มีค่า ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าจะพิจารณาดู” นายดนุชากล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ปลดล็อกกฎหมายต่าง ๆ เพื่อให้ไม้มีค่า/ไม้หายากถึง 171 ชนิดสามารถนำมาปลูกและตัดขายได้ ซึ่งตรงนี้จะเป็นรายได้ส่วนหนึ่งสำหรับครัวเรือนได้ โดยเฉพาะครัวเรือนเกษตรกรที่สามารถใช้ที่ดินส่วนที่เหลือจากการใช้ประโยชน์มาปลูกไม้มีค่าได้

“ปลูกไม้มีค่าประมาณ 10 ปีตัดขาย ผลตอบแทนจะอยู่ที่ประมาณ 17.9% ลงทุนก็ไม่มาก เพียงซื้อกล้าไม้มาปลูก” นายดนุชากล่าว

ดนุชา พิชยนันท์
ดนุชา พิชยนันท์

อย่างไรก็ดี ต้องมีการสร้างแรงจูงใจและปรับปรุงกฎระเบียบบางประการ อาทิ การเคลื่อนย้ายไม้ เป็นต้น เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ไม่ติดขัด

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาแม้จะมีการแก้ไขกฎหมายให้สามารถนำไม้มีค่า 58 ชนิดมาเป็นหลักค้ำประกันธุรกิจขอสินเชื่อได้ แต่ก็ยังไม่แพร่หลายมากนัก ซึ่งคงต้องปรับปรุงกันต่อไป

นายดนุชากล่าวอีกว่า ยังมีการออมทางเลือกที่ไม่ใช่ตัวเงินอีกรูปแบบหนึ่ง ก็คือการเลี้ยงสัตว์ โค/กระบือ อย่างที่เห็นตัวอย่างในจังหวัดพิจิตรและสุโขทัย ที่มีการส่งเสริมการเลี้ยงโค/กระบือในครัวเรือนเกษตรกรที่นอกเหนือไปจากการทำการเกษตรที่ทำอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเลี้ยงไปได้ 5 ปีขึ้นไปจะขายได้ตัวละ 25,000-50,000 บาท

ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ไม่ได้สูง เพราะสามารถปล่อยให้โค/กระบือหากินตามธรรมชาติได้ แถมยังช่วยกำจัดวัชพืช ช่วยในการเตรียมการเพาะปลูกสำหรับเกษตรกร และยังสามารถเก็บมูลขาย หรือทำเป็นปุ๋ยได้อีกด้วย

“อันนี้เป็นการลงทุนซื้อโคมาเลี้ยง 4-5 ปี แล้วก็ขาย จะได้ผลตอบแทนทั้งในแง่จำนวนโคที่เพิ่มขึ้น และราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นด้วย ถือเป็นการออมที่ไม่ใช่ตัวเงินอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจ ที่ครัวเรือนเกษตรกรน่าจะลองพิจารณาดู ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นแล้วหลายแห่ง” เลขาธิการ สศช.กล่าว

ทั้งนี้ สศช. ได้เสนอแนวทางการส่งเสริมและขยายผล สำหรับการออมที่ไม่ใช่ตัวเงิน ด้วยการปลูกไม้มีค่า และ เลี้ยงสัตว์ โค/กระบือ 4 แนวทางด้วยกัน ประกอบด้วย 1.ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเห็นถึงประโยชน์

2.ส่งเสริมกลไกความร่วมมือของคนในชุมชน 3.สร้างความรู้ ความเข้าใจ และให้คำปรึกษากับเกษตรกรในพื้นที่ และ 4.ปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้องและไม่เป็นอุปสรรคต่อการออมในรูปแบบนี้