บทความโดย “ธนภัทร จินดาหลวง” ที่ปรึกษาการเงิน AFPTTM สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 ถ้าให้ยกตัวอย่างชื่อโรคร้ายแรงมาสักหนึ่งชื่อ หลายท่านอาจจะนึกถึงโรคมะเร็ง มาเป็นอันดับต้น ๆ แต่ในปัจจุบันมีโรคร้ายแรงอีกมากมาย บางชื่อโรคก็คุ้นหู หรือไม่เคยได้ยินมาก่อน ที่สำคัญโรคร้ายแรงบางโรคอาจรักษาหายในเวลาไม่นาน แต่บางโรคอาจจะต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง ค่ารักษารวมทั้งหมดอาจเป็นหลักแสนหรือทะลุหลักล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คนไทยแต่ละคนมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลแตกต่างกันไป เช่น สิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคม สิทธิข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือได้วางแผนทำประกันสุขภาพส่วนบุคคล กับบริษัทประกันภัยหรือบริษัทประกันชีวิต
- ครม.ใหม่ถวายสัตย์ เศรษฐา-เพื่อไทย รุกแก้เศรษฐกิจ
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 2 พ.ค. 2567
- รมว.อุตสาหกรรม จี้ปลัดรู้ก่อน อธิบดีกรมโรงงานฯ ลาออก ไม่รายงาน
ซึ่งสิทธิการรักษาพยาบาลข้างต้น อาจครอบคลุมค่ารักษาโรคร้ายแรงบางส่วนหรือทั้งหมด บางคนเลือกไปรักษานอกสิทธิที่มีอยู่ เพราะต้องการความรวดเร็วหรือความสะดวกสบายกว่า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้เงินค่อนข้างสูง
นอกเหนือจากค่ารักษาแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก เช่น ค่ายานอกบัญชีที่ใช้ในการรักษา ค่าเครื่องมือแพทย์ วิธีการรักษาด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยกว่าเดิมหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของผู้ป่วยเอง รวมถึงคนในครอบครัวที่ต้องดูแลผู้ป่วย อาทิ ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่ากิน เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ ล้วนต้องใช้เงินทั้งสิ้น
ผู้เขียน มีเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งคุณแม่ของเพื่อนท่านนี้ตรวจพบว่าเป็นโรคไต ต้องทำการฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี โดยขับรถเดินทางจากบ้านที่อำเภอเชียงแสนไปโรงพยาบาลเอกชน เป็นระยะทางไปและกลับเกือบ 130 กม.
โดยจ่ายค่าฟอกไตด้วยตนเอง ครั้งละ 1,500 บาท คิดเป็นต่อสัปดาห์ละ 3,000 บาท เดือนละ 12,000 บาท ปีละ 144,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี สุดท้ายเพื่อให้มีเงินมารักษา จึงต้องแบ่งขายที่นา แต่เพื่อลดค่าใช้จ่าย ปัจจุบันต้องเปลี่ยนมาฟอกไตโดยใช้สิทธิจากบัตรทอง ที่โรงพยาบาลของรัฐ
อีกตัวอย่างหนึ่งของการมีวงเงินรักษาพยาบาล กรณีเกิดโรคร้ายแรง คือ การทำประกันภัยโควิด-19 แบบ เจอ จ่าย จบ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีหลายคนได้เคลมสินไหมฯ จากการทำประกันภัยโควิด-19 แบบ เจอ จ่าย จบ ไว้ ได้รับวงเงินเป็นจำนวน หลักหมื่นหรือหลักแสนบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยและการขาดรายได้จากการทำงานหากติดโควิด
ประกันภัยโรคร้ายแรงก็เช่นเดียวกัน หากผู้เอาประกันภัยตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรง ก็จะสามารถเคลมสินไหมฯ เป็นเงินก้อน (คล้ายประกันโควิด แบบเจอ จ่าย จบ) ซึ่งเงินที่ได้จากประกันภัยโรคร้ายแรงจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ความเป็นอยู่ในการดำรงชีวิตต่อไปได้ หากผู้เอาประกันภัยต้องหยุดทำงาน เช่น อาชีพค้าขาย หรือต้องลาออกจากงานประจำเพื่อไปรักษาตัวเอง ทำให้ไม่มีรายได้หรือรายได้ลดลง แต่ค่าใช้จ่ายประจำในครอบครัวยังคงมีเช่นเดิม
ในระยะยาว หากการรักษาโรคร้ายแรงยังไม่หายหรือต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่มีรายได้เข้ามาหรือรายได้ลดลง หลายครอบครัวจำเป็นจะต้องขายทรัพย์สินที่มี เช่น แบ่งขายที่ดิน ขายบ้าน คอนโดมิเนียม ทองคำ ขายหุ้น ขายกองทุน หรือเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีมูลค่ากรมธรรม์ ทำให้ความมั่งคั่งที่เคยเป็นอยู่ลดลง หรือบางครอบครัวอาจจะต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาใช้จ่าย กลายเป็นภาระที่ตามมาในการคืนชำระหนี้
3 วิธี วางแผนทำประกันโรคร้าย
ดังนั้น การวางแผนประกันภัยโรคร้ายแรง เป็นการเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ซึ่งสามารถวางแผนทำทุนประกันที่เหมาะสมได้ 3 วิธี