“ศิริกัญญา” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กตั้งข้อสังเกต กฎหมายออมสินปล่อยกู้ให้รัฐบาลไม่ได้ แถมออก พ.ร.ก.กู้เงินก็ยาก เหตุไม่จำเป็นเร่งด่วน ชี้นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท อาจถึงทางตัน
วันที่ 24 ตุลาคม 2566 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า หรือว่า digital wallet จะถึงทางตัน…? พร้อมชี้ว่า ธนาคารออมสินที่ยืนหนึ่งเป็นแหล่งที่มาของงบฯที่จะใช้สำหรับดิจิทัลวอลเลต 5.6 แสนล้านบาท อาจจะใช้ไม่ได้เสียแล้ว ไม่ใช่แค่ว่าออมสินมีสภาพคล่องไม่พอ แต่เป็นเรื่องข้อจำกัดของกฎหมายที่ไม่อนุญาตให้ออมสินปล่อยกู้ให้รัฐบาลได้
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- กรมอุตุฯเตือน รับมือฝนตกหนักอีกรอบ 17-19 พ.ค.นี้ หนักสุดถึง 70% ของพื้นที่
โดยตามมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.ออมสิน กำหนดวัตถุประสงค์เอาไว้ว่า ให้ทำกิจการใดบ้าง ซึ่งก็เหมือนกับธนาคารพาณิชย์ รับฝากเงิน ปล่อยกู้ ซื้อขายพันธบัตร ลงทุน ไม่มีข้อไหนที่ให้รัฐบาลกู้เงินได้ แต่หากจะทำกิจการอื่นต้องตราเป็น พ.ร.ฎ.
ซึ่งเมื่อไปดูใน พ.ร.ฎ.กำหนดกิจการพึงเป็นงานธนาคาร ระบุกิจการไว้ 13 ข้อ ลงรายละเอียด ไปจนถึงธุรกิจเงินตราต่างประเทศ การออกบัตรเครดิต ที่ปรึกษาการเงิน แต่ก็ไม่มีข้อไหนเลยที่เข้าข่ายจะตีความว่านำเงินให้รัฐบาลกู้ยืมได้
“ถ้าไม่เชื่อลองถามกฤษฎีกาดูก็ได้ ความหวังที่จะใช้เงินออมสินมาเป็นแหล่งเงินของโครงการดิจิทัลวอลเลตก็คงต้องจบลงแค่นี้ ยกเว้นแต่ว่าจะมีการแก้กฎหมาย ซึ่งไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เสียทีเดียว แต่ก็ไม่ควรทำ”
น.ส.ศิริกัญญาระบุอีกว่า สมัยประยุทธ์ทำรัฐประหารใหม่ ๆ ก็เคยออกคำสั่ง คสช. แก้ พ.ร.บ.กสทช. ว่าด้วยวัตถุประสงค์ กองทุนวิจัยและพัฒนาของ กสทช. ให้เพิ่มว่ากองทุนสามารถให้กระทรวงการคลังกู้ยืมเงินได้ ซึ่งต่อมากระทรวงการคลังก็มากู้ไปจริง ๆ 14,300 ล้านบาท (ที่ตลกก็คือ มีการออกคำสั่ง คสช.อีกฉบับเพื่อแก้ พ.ร.บ.กลับไปเป็นเหมือนเดิม พร้อมยกหนี้หมื่นล้านนี้ให้กระทรวงการคลังด้วย)
“เราก็ต้องมาวัดใจกันดูว่าจะถึงขั้นแก้กฎหมายเพื่อให้รัฐสามารถกู้เงินออมสินได้หรือไม่ ถ้าไม่แก้กฎหมาย เหลือทางเลือกอะไรอยู่บ้าง เหลือแค่ใช้เงินงบประมาณ กับออก พ.ร.ก.กู้เงินเหมือนช่วงโควิด”
น.ส.ศิริกัญญายังระบุอีกว่า Update ข้อมูลงบฯ 2567 ที่ปรับปรุงใหม่ ถึงจะขยายงบฯเป็น 3.48 ล้านล้านบาท แต่ก็ต้องจ่ายหนี้เพิ่ม ลงทุนเพิ่มตามไปด้วย เมื่อหักรายจ่ายที่ยังไงก็ต้องจ่าย ทั้งเงินเดือนสวัสดิการบุคลากรภาครัฐ งบใช้หนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เงินชดใช้เงินคงคลัง งบฯท้องถิ่น และสวัสดิการตามกฎหมาย
งบฯที่เหลือมาจัดสรรใหม่ได้จริง เพิ่มมาเป็น 476,000 ล้านก็จริง แต่ขอย้ำว่านี่คือรายจ่ายประจำที่ต้องแชร์กับพรรคร่วมรัฐบาล 20 กระทรวง ถ้าใช้หมดนี่ก็หมายความว่า แต่ละกระทรวงได้เงินแค่พอจ่ายเงินเดือน กับงบฯลงทุน โครงการอื่น ๆ ไม่ต้องทำกันแล้ว จะตั้งกองทุน soft power ก็ไม่ได้ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเพิ่มงบฯไม่ได้
งบฯอุดหนุนบรรเทาภัยแล้งก็ไม่ได้ งบฯอุดหนุนดับไฟป่าแก้ PM 2.5 ก็ไม่ได้ โครงการฝึกอบรม upskill-reskill อะไรก็ทำไม่ได้ทั้งหมด ไม่ต้องพูดถึงค่าตอบแทน อสม. กำนันผู้ใหญ่บ้าน ก็หายหมดเช่นเดียวกัน ซึ่งเท่ากับว่าทางเลือกนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้เหมือนเดิม
“หรือ… จะให้ผู้ประกอบการเก็บเหรียญดิจิทัลไว้ ยังไม่ให้แลกคืน รออีกซักปี 2 ปี ให้มีงบประมาณพอ ก็อาจเป็นอีกทางเลือก แต่ก็เสี่ยงที่จะทำให้ไม่มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการ ทางเลือกสุดท้าย คือออกเป็น พ.ร.ก.เงินกู้แบบที่ทำช่วงโควิด ก็จะถือเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมืองชัด ๆ ซึ่งก็ทำไม่ได้อีก เพราะไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนตามรัฐธรรมนูญ น่าคิดนะคะ ว่าอาจจะถึงทางตันจริง ๆ”