SET สัปดาห์นี้ทรงตัว 1,360-1,400 จุด ลุ้นดอกเบี้ย กนง. จับตาเงินเฟ้อจีน-สหรัฐ

หุ้น

บล.เอเซีย พลัส ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ทรงตัว กรอบแนวรับ 1,360 จุด แนวต้าน 1,400 จุด คาดมูลค่าซื้อขายเบาบาง เนื่องจากเป็นสัปดาห์ก่อนหยุดสงกรานต์ ลุ้นผลประชุมดอกเบี้ย กนง.-เงินเฟ้อจีนและสหรัฐ กำหนดทิศทางลดดอกเบี้ยเฟด

วันที่ 8 เมษายน 2567 นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-5 เม.ย. 2567) ภาพรวมตลาดหุ้นไทยผันผวนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศออกมาค่อนข้างดูดี จึงทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ช้ากว่าที่คาดการณ์

รวมถึงประเด็นความไม่สงบในตะวันออกกลาง แผ่นดินไหวในไต้หวันทำให้กังวลว่าอาจเกิดสึนามิในญี่ปุ่น จึงเป็นปัจจัยกดดันทำให้ตลาดหุ้นโลกผันผวนส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยถูกปัจจัยภายนอกกดดัน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจากราคาน้ำมัน จึงทำให้หุ้นกลุ่มพลังงาน หนุนตลาดหุ้นไทยได้

สำหรับสัปดาห์นี้ (9-12 มี.ค. 2567) ประเมิน SET ทรงตัว กรอบแนวรับ 1,360 จุด แนวต้าน 1,400 จุด เนื่องจากเป็นสัปดาห์ก่อนหยุดเทศกาลสงกรานต์ จึงทำให้มูลค่าซื้อขายค่อนข้างเบาบาง นักลงทุนอาจมีการขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงในเทศกาลหยุดยาว

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม ในวันที่ 10 เม.ย. 2567 มีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ว่าอยู่ที่ 3.5% เพิ่มขึ้นจากในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.2% และในวันที่ 11 เม.ย. 2567 ติดตามเงินเฟ้อจีนเดือน มี.ค. ตลาดคาดว่าอยู่ที่ 0.4% ลดลงจากเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา 0.7% ขณะที่ในประเทศไทยติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 เม.ย. 2567 ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยหรือไม่ หากมีการลดดอกเบี้ยจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย ที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงิน

ซึ่งหากพิจารณาข้อมูลจาก BLOOMBERG CENSENSUS จะเห็นได้ว่ามีการคาดการณ์ผลการประชุม กนง.รอบ เม.ย. 2567 นี้จากนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหมด 10 คนส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยระดับเดิมที่ 2.50% มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่เห็นต่าง ว่าควรลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.25% ในมุมมองของฝ่ายวิจัยคาดว่า หาก กนง.ไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน เม.ย. 2567 ก็คงต้องลดดอกเบี้ยรอบถัดไปพร้อมกับ FED ในการประชุมรอบ มิ.ย. 2567 อยู่ดี เนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจไทยที่เปราะบาง ค่าเงินบาทอ่อนค่ามาเร็ว บวกกับนโยบายการคลังอย่างดิจิทัลวอลเลตที่ต้องใช้งบประมาณสูง และมีความเสี่ยงในหลายด้านหากเกิดขึ้นจริง

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ เข้าซื้อและถือข้ามไปช่วงหลังสงกรานต์ เนื่องจากเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ในช่วงสั้นหุ้นที่ได้ประโยชน์เฉพาะตัวอย่าง BJC, CBG รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขยับขึ้นอย่าง PTT และหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่าง TU