คลังอัพเกรดกองทุนอุ้มคนจน ประเมินผลผู้ใช้ “บัตรสวัสดิการ”

บัญชีกลางชง ครม. ยกระดับกองทุนคนจนเป็นกองทุนถาวร หวังดูแลสวัสดิการต่อเนื่อง ล่าสุดรัฐจัดงบฯเติมบัตรเพิ่มอีก 5.3 หมื่นล้านบาท พร้อมประเมินผลผู้ใช้บัตรคนจน

นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ได้ยกร่างพระราชบัญญัติกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากขึ้น และได้เสนอไปที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ซึ่งจะเป็นการยกระดับกองทุนจากที่อยู่ภายใต้กฎหมายงบประมาณประจำปี เป็นกองทุนถาวรที่มีความยั่งยืนขึ้น ทำให้การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยมีความต่อเนื่อง

“ถ้า ครม.เห็นชอบแล้ว ก็ต้องเสนอไปสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จากนั้นก็จัดตั้งกองทุนถาวรขึ้นมา แล้วก็โอนเงินที่เหลือจากกองทุนเดิมไปอยู่ภายใต้กองทุนใหม่” นางสาวสุทธิรัตน์กล่าว

ทั้งนี้ กองทุนประชารัฐฯเดิมมีเงินทั้งสิ้น 46,000 ล้านบาท โดยหลังเริ่มโครงการมา 8 เดือน มีการใช้งบฯจากกองทุนดังกล่าวไป 27,000 ล้านบาท หรือตกแล้วใช้งบฯเติมบัตรกว่า 3,000 ล้านบาท/เดือน ขณะเดียวกันในการที่รัฐบาลจัดทำงบฯเพิ่มเติมในปีงบประมาณ 2561 ก็ได้จัดสรรมาให้กองทุนนี้อีก 13,872 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2562 ก็จัดสรรให้อีก 40,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงมีเงินเพียงพอในการจ่ายสวัสดิการผ่านบัตร

“การใช้เงินผ่านบัตร ส่วนใหญ่จะเป็นการรูดบัตรในร้านธงฟ้า โดยหลังจากนี้ เราก็คงต้องมีการประเมินผล แล้วเสนอกลับไปที่รัฐบาลว่าจะมีนโยบายอย่างไร เพื่อพิจารณาว่าบางหมวดที่มีการใช้น้อย เช่น ค่าก๊าซหุงต้ม หรือค่าเดินทางรถ บขส. หรือรถไฟ ถ้ามีคนใช้น้อยจะทำอย่างไร แต่จริง ๆ แล้ว การคงหมวดเหล่านี้ไว้ก็ไม่มีปัญหา เพราะมีคนที่ใช้ แม้จะน้อย หากไปยกเลิกก็อาจจะมีปัญหา เพียงแต่ต้องดูว่าจะเกลี่ยวงเงินไปใช้ในหมวดอื่นเพิ่มเติมแทนหรือไม่” นางสาวสุทธิรัตน์กล่าว

Advertisment

อย่างไรก็ดี ในส่วนของหมวดค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก. วงเงิน 500 บาท ที่ปัจจุบันยังไม่มีการรูดใช้ เนื่องจากยังไม่มีเครื่องรูดนั้น ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ จะเริ่มรูดค่าโดยสารรถไฟฟ้าได้ โดยใช้วงเงินหมวดเดียวกันนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะไปทำพิธีเปิดโครงการด้วยตัวเอง

นางสาวสุทธิรัตน์กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการฝึกอาชีพนั้น มีการใช้งบฯเติมบัตรเพิ่มอีกกว่า 1,000 ล้านบาท/เดือน ซึ่งจะอยู่ในหมวดร้านธงฟ้า โดยเติมให้ผู้เข้าโครงการฝึกอาชีพเพิ่มคนละ 100-200 บาท/เดือน ส่วนผู้ที่ไม่ร่วมฝึกอาชีพจะไม่ได้รับเงินเพิ่มส่วนนี้ นับตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นไป