ทำให้ SMEs ของคุณเติบโตด้วย Big Data

คอลัมน์ Smart SMEs

โดย รุจิกร ภาวสุทธิไพศิฐ ทีเอ็มบี

Big data เป็นเครื่องมือยุคดิจิทัล ที่ได้กลายมาเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” สาเหตุหนึ่งเนื่องมาจากมีองค์กรทั้งในและต่างประเทศนำ big data มาประยุกต์ใช้จริงกับธุรกิจของตน และสามารถสร้างผลกำไร ไม่ว่าจะมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น หรือต้นทุนที่ลดลง

การทำ big data คือการเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร โดยรวบรวมข้อมูลให้อยู่ในที่เดียวกัน และอยู่ในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้ได้ จากนั้นก็ใช้เทคนิคทางสถิติและแบบจำลองทางอนาไลติกส์ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บไว้ เพื่อหา “insights” ซึ่งเป็นเสมือน “ทอง” ที่ร่อนได้จากการทำเหมืองข้อมูล big data

ซึ่ง “insights” อันนี้ เป็นเหมือน “สูตรลับ” ที่องค์กรธุรกิจสามารถนำมาใช้ เช่น นำมาออกแคมเปญการตลาด เพื่อเพิ่มรายได้และหาลูกค้าใหม่

Advertisment

ดูเผิน ๆ big data เป็นเหมือนเทคโนโลยีขั้นสูง ที่เหมาะจะใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ และเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับ SMEs ผมมักจะได้คำถามจากเพื่อนฝูงที่ทำ SMEs และลูกค้าธนาคารอยู่เสมอว่า จะเริ่มนำ big data มาใช้กับ SMEs ต้องทำอย่างไรบ้าง วันนี้ผมมีคำแนะนำในเรื่องนี้ครับ

…ก่อนอื่นเลย ผมมีข่าวดีสำหรับ SMEs ที่ต้องการนำ big data มาเป็นตัวช่วยในการทำธุรกิจ หลายท่านคงไม่ทราบมาก่อนว่า การทำ big data ใช้เงินลงทุนน้อยมาก สาเหตุเนื่องจากว่าเทคโนโลยี big data เป็นเทคโนโลยีแบบ open-sourced…หมายความว่า ผู้เขียนโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่อยู่ในระบบนิเวศของ big data ไม่ว่าจะเป็น Hadoop, Python, R เขาเปิดซอร์ซโค้ดของโปรแกรมให้เป็นสาธารณะ ท่านที่ต้องการใช้โปรแกรมเหล่านี้สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โปรแกรมซอฟต์แวร์ที่เอ่ยมา เป็นโปรแกรมที่ใช้ในบริษัทนวัตกรรมชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็นกูเกิล เฟซบุ๊ก อเมซอน

ดังนั้น SMEs ที่คิดจะทำ big data ในยุคนี้ สามารถนำสุดยอดเทคโนโลยีมาใช้งาน โดยที่เงินไม่ได้เป็นปัญหา

แต่สิ่งที่ท่านต้องทำอย่างแรกเลย คือการหา “มืออาชีพ” มาช่วยงาน เหมือนกับถ้าบริษัทเราต้องทำบัญชี เราก็ต้องจ้าง “นักบัญชี” ถ้าเรามีโรงงาน เราคงต้องจ้าง “วิศวกร” ถ้าท่านต้องการทำ big data มืออาชีพที่เราต้องจ้างคือ “นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล” หรือ data scientist

Advertisment

ในเมืองไทย สถาบันการศึกษาต่าง ๆ มีการผลิตบุคลากรจำนวนมาก ที่มีความรู้ ความชำนาญ ในการทำ big data

ในปัจจุบันท่านสามารถหา data scientists มือดี โดยจ้างเด็กรุ่นใหม่ ที่จบจากคณะสถิติ, วิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือมหาวิทยาลัยบางแห่งก็เริ่มมีการเปิดสอนหลักสูตร big data โดยเฉพาะ บัณฑิตจบใหม่เหล่านี้ ถึงอายุน้อย แต่มีความรู้เทรนด์เทคโนโลยีสมัยใหม่ดีเยี่ยม สามารถทำงาน big data ได้ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ด้วยเครื่อง (machine learning), การวิเคราะห์ด้วยภาษา (natural language processing-NLP), ไปจนถึงปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence-AI)

สำหรับ data scientists ที่จบใหม่ ระดับตัวท็อปของคณะ อัตราเงินเดือนปัจจุบันอยู่ที่ 20,000-30,000 บาทต่อเดือน ปัจจุบันบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง ซึ่งมีข้อมูลจำนวนมาก มักจะจ้างทีม data scientists ขนาดตั้งแต่ 5-20 คน แต่สำหรับ SMEs ที่รายได้ไม่เกิน 200 ล้านบาทต่อปี สามารถเริ่มต้นโดยการจ้าง data scientist เพียงหนึ่งคนก่อน ซึ่ง data scientist ที่จ้าง จะช่วย SMEs เริ่มต้นทำ big data ตั้งแต่เซตอัพระบบ, ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ big data รวมถึงเลือกใช้อัลกอริทึ่มและแบบจำลองการวิเคราะห์ที่เหมาะสมกับธุรกิจและข้อมูลที่ SMEs มีแต่ทั้งนี้ ปัจจัยที่สำคัญสูงสุดในการตัดสินว่าโครงการ big data ที่ SMEs ทำจะประสบความสำเร็จหรือไม่ คือการกำหนด “โจทย์ทางธุรกิจ” ที่ SMEs ต้องการใช้ big data มาช่วยตอบ สมมุติท่านทำร้านชาบู ตัวอย่างโจทย์ธุรกิจก็เช่น ทำอย่างไร จะดึงกลุ่มผู้สูงวัยให้เข้าร้านมากขึ้น เนื่องจากท่านสังเกตว่าลูกค้าในร้านมีแต่กลุ่มวัยรุ่น หรือกลุ่มวัยกลางคน หรือให้ big data ช่วยวิเคราะห์ว่า ถ้าท่านสั่งเนื้อพรีเมี่ยมนำเข้าจากออสเตรเลีย จะสามารถเพิ่มยอดขายคุ้มกับต้นทุนที่เพิ่มหรือไม่

การกำหนดโจทย์ธุรกิจ เป็นเหมือนเข็มทิศที่จะทำให้ big data กลายเป็นตัวช่วยทางธุรกิจที่ทรงประสิทธิภาพให้กับ SMEs โดยปราศจากโจทย์ธุรกิจที่ชัดและมีความสำคัญ การทำ big data จะเป็นเพียงตัวสร้างต้นทุน (cost cen-ters)…การใช้ big data ในธุรกิจจะไม่ต่างอะไรกับการ “ขี่ช้างจับตั๊กแตน”