นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า จีดีพีไตรมาส 2 ปี 2561 ที่ขยายตัว 4.6% ขยายตัวสอดคล้องกับที่ธปท. คาดการณ์ไว้จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การประชุม กนง. ในวันที่ 19 กันยายนจะมีการทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงทิศทางเศรษฐกิจจะมีผลต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยไททยหรือไม่นั้น นายวิรไท กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยโลกอยู่ในทิศทางขาขึ้น ธปท. ไม่สามารถที่จะสวนทางตลาดได้ ซึ่งในจังหวะที่เศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้น ความจำเป็นที่จะต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษมีความจำเป็นลดลง และอาจจะมีการปรับขึ้นบ้างเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย(โพลิซี สเปซ) อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะเลิกผ่อนคลายนโยบายการเงินทันที เพราะยังมีความจำเป็นต้องผ่อนคลายอยู่ เนื่องจากธปท.ดำเนินนโยบายการเงินโดยใช้อัตราเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่นเป็นเป้าหมาย การตัดสินใจนโยบายต้องพิจารณาหลายปัจจัยทั้งทิศทางและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ การขยายตัวเศรษฐกิจ ซึ่งการที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้ และอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงินได้ อย่างไรก็ตาม หากจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกนง.
- ด่วน! วอยซ์ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
นายวิรไท กล่าวถึงสถานการณ์ในตลาดโลกการเงินโลกว่า ขณะนี้มีความกังวลต่อสถานการร์ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อาร์เจนตินาที่ค่าเงินอ่อนค่า ล่าสุดคือตุรกีที่ค่าเงินอ่อนค่ารวดเร็ว เนื่องจากการขาดดุลทางการค้า หนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับสูง และเงินสำรองระหว่างประเทศต่ำ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ ทำใ้ห้เงินทุนไหลออกและค่าเงินผันผวนสูง อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อไทยไม่มาก เพราะไทยและตรุกีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกันน้อย ทั้งนี้ ไทยมีเสถียรภาพเศรษฐกิจแข็งแกร่ง เงินสำรองอยู่ในระดับสูง หนี้ต่างประเทศต่ำและมีการเกินดุลการค้า
ที่มา มติชนออนไลน์