Allianz ชี้ธุรกิจประกันไม่ใช่แค่จ่ายเคลมแล้วจบ แต่ต้องฝังตัวในชีวิตประจำวันลูกค้า

ในยุคที่ธุรกิจหลายประเภททั่วโลกต่างก็แข่งขันกันสร้างสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไป ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจประกันชีวิตที่ได้คิดค้นสิ่งใหม่ๆ เพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ลูกค้านึกถึงมากที่สุด

“เจตน์เมริน เจตน์รวีโชติ” ผู้อำนวยการอาวุโส บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เล่าถึงบทบาทของธุรกิจประกันชีวิตที่ไม่ใช่เพียงแค่ธุรกิจที่ทำหน้าที่จ่ายเคลมประกันให้ลูกค้าเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าไปอยู่ในระบบดูแลสุขภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้ดูแลสุขภาพตั้งแต่ต้นทาง โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างนวัตกรรม ซึ่งจะเห็นได้จากที่บริษัทได้มีแพลตฟอร์ม HealthyLiving ที่จะให้ข้อมูลทางด้านสุขภาพและการแพทย์ โดยได้มีพันธมิตรเป็นร้านขายยาและโรงพยาบาลต่างๆ

ที่สำคัญ ล่าสุดทางอลิอันซ์ อยุธยายังได้ลงทุนกับธุรกิจสตาร์อัพทั้งสามทีมที่ชนะเลิศจากโครงการ Allianz Ayudhya Activator ซึ่งเฟ้นหาสตาร์ทอัพที่คิดค้นเทคโนโลยีด้านประกันและด้านสุขภาพที่บริษัทสามารถนำมาใช้ “สร้างโมเดลทางธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ” ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัลได้อย่างเหมาะสมที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าที่แท้จริงเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการให้กับลูกค้า

โดยสตาร์ทอัพทั้ง 3 ทีมนั้นประกอบด้วยทีม Doctor A to Z, Sharmble และ Vitaboost Wellness ซึ่งเป็นผู้ที่คิดค้นโซลูชั่นตั้งแต่การใช้แพลตฟอร์มในการจับคู่ระหว่างแพทย์หรือโรงพยาบาลและคนไข้ แพลตฟอร์มการดูแลระยะไกลสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น การจัดส่งฟรีใบสั่งยา และโปรแกรมการดูแลรักษาสุขภาพที่ปรับให้เหมาะกับสุขภาพของผู้ใช้งานแต่ละคน ซึ่งแพลตฟอร์มของสตาร์ทอัพจะช่วยให้ลูกค้าเข้ามาเรียนรู้และใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทั้งยังสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ได้อีกด้วย

“เราต้องการสร้างธุรกิจจากสตาร์ทอัพ เพื่อสร้างรูปแบบทางธุรกิจใหม่ โดยสตาร์ทอัพจะได้รับอิสระในการคิดต่อยอดทางธุรกิจให้ประสบความสำเร็จต่อไป ซึ่งทางอลิอันซ์จะมี Co-Business Project ร่วมกัน ที่เรียกว่าเป็นการเพิ่มคุณค่าใหม่ (New Valued Creation) ที่จะเกิดประโยชน์กับสตาร์ทอัพยิ่งกว่าเงินลงทุน” นายเจตน์เมรินกล่าว

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพื่อต่อยอดธุรกิจในระดับนานาชาติเพื่อนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจ ล่าสุด “เจตน์เมริน” จึงได้พาทั้งสามทีมเดินทางไปโชว์ศักยภาพด้านนวัตกรรมในงานเทศกาล Singapore Fintech Festival ประจำปีครั้งที่ 3 ที่ประเทศสิงคโปร์อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เจตน์เมริน กล่าวว่าโครงการดังกล่าวเพิ่งเริ่มทำเป็นเฟสแรก จึงอยากสนับสนุนและคอยดูความสำเร็จก่อน เพื่อดูทิศทางในการเปิดเฟสต่อไป โดยคาดว่าเฟสต่อไปจะขยายไปขอบเขตธุรกิจอื่นมากขึ้น เช่น จับมือพันธมิตรที่ดูแลด้าน Automobile หรือ Real Estate โดยการสร้างโครงการหรือโปรแกรมแต่ละครั้ง บริษัทจะต้องสร้างรูปแบบที่มีความเฉพาะตัวที่ชัดเจน (Character) ไม่ใช่รูปแบบที่เหมือนทั่วๆไป

ในขณะที่ “จอร์จ ซาโทเรล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อลิอันซ์ เอเชีย แปซิฟิค ได้พูดถึงทิศทางในอนาคตของอลิอันซ์ว่าอลิอันซ์ได้เปิดพื้นที่ในการร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 35 แห่ง เพื่อที่จะเรียนรู้ solution และนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งจะนำมาปรับใช้กับธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากมองว่าในอนาคตพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป และธุรกิจประกันอาจจะโดน disrupt ได้ ซึ่งคาดว่าทวีปเอเชียอาจจะโดนก่อนทวีปอื่น ดังนั้นต้องร่วมมือกับพันธมิตรทางดิจิทัลในการคิดค้นนวัตกรรมที่ล้ำหน้าเพื่อมาสนับสนุนธุรกิจต่อไป อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเอเชียคือตลาดที่จะไปไกลด้านดิจิทัลในอนาคต