ออมสิน รับฝากเงินผ่าน 3 ตู้เติมเงิน

คอลัมน์ Look Around

ท่ามกลางกระแสแบงก์ปิดสาขาและโหนกระแสดิจิทัลแบงกิ้งให้บริการทางการเงินแทน การผนึกพันธมิตรก็เป็นอีกช่องทางสำคัญในการสยายปีกธุรกิจเจาะหาฐานลูกค้าใหม่ ๆ ธนาคารออมสินเป็นอีกแบงก์รัฐที่ก้าวให้ทันโลกดิจิทัล แต่ก็ “ไม่ทิ้ง” คนที่ไม่ถนัดการใช้ดิจิทัลแบงกิ้งไว้ข้างหลังลำพังแน่ ล่าสุดจับมือกับตู้เติมเงิน 3 เจ้าตลาด เปิดตัวให้บริการรับฝากเงิน เป็นรูปแบบ banking agent เพิ่มเติม

โดย “ชาติชาย พยุหนาวีชัย” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ประกาศว่า ออมสินต้องการส่งเสริมการออมเงินให้ทั่วถึงทั้งประเทศ ดังนั้นการดึงพันธมิตรที่มีเครือข่ายกระจายถึงหมู่บ้านต่าง ๆ ทุกจังหวัด ถือเป็นการสยายปีกบริการได้รวดเร็วที่สุดแล้ว และใกล้บ้าน แถมบริการตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นช่องทางเปิดประตูคนไทยทุกระดับชั้น สามารถเข้าถึงการฝากเงินได้อย่างง่าย และคล่องตัวที่สุดในเวลานี้ ซึ่งจะมี 3 ตู้เติมเงินที่เปิดรับฝากเงินได้ คือ ตู้บุญเติม ที่มีจำนวนตู้กว่า 130,000 ตู้ ตู้เติมสบายพลัส มีกว่า 46,000 ตู้ และตู้เติมดีกว่า 35,000 ตู้ ซึ่งมีจุดให้บริการกระจายรวมกันจำนวนกว่า 211,000 จุดทีเดียว ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในวันออมสิน คือ วันที่ 1 เม.ย. 62 นี้

สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จะมีกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 7-20 ปี ถือว่าอยู่ในโครงการ “เด็กดี ออมฟรี ที่ตู้เติมเงินทั่วไทย” สามารถฝากเงินผ่านตู้เติมเงินเหล่านี้ตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) บริการแต่อย่างใด

อีกกลุ่มเป็นผู้ฝากเงินอายุ 20 ปีขึ้นไป ก็สามารถใช้บริการฝากเงินผ่านตู้เติมเงินทั้ง 3 แห่งนี้ได้เช่นกัน แต่จะมีค่าฟีขึ้นกับวงเงินฝาก ดังนี้ ตู้บุญเติม มี 5 อัตรา เริ่มต้นที่ 30 บาท จนสูงสุด 70 บาท ขึ้นกับวงเงินฝาก, ตู้เติมสบายพลัส มี 2 อัตรา 30 และ 50 บาท ส่วนตู้เติมดี มีโปรโมชั่นปีนี้ คิด 15 บาทต่อรายการ

“ธนาคารคาดว่าการขยายช่องทางบริการผ่านตู้เติมเงิน จะทำให้ในช่วง 3 ปีจากนี้ สามารถมีลูกค้าเพิ่มได้ปีละ 2 ล้านราย เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากช่วง 4 ปีที่ผ่านมามีลูกค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1 ล้านราย โดยปีนี้เราคาดว่าจะเห็นยอดเงินฝากเพิ่มขึ้นราว 4-6% หรือกว่า 1 แสนล้านบาท ขณะที่ฐานลูกค้าของออมสินส่วนใหญ่เป็นลูกค้าต่างจังหวัดราว 80% ส่วนยอดเงินฝากที่เป็นของเด็กและเยาวชนจะมีจำนวนราย 5-6 ล้านราย ยอดฝากรวมของกลุ่มนี้ประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งฝากเฉลี่ยรายละ 5 พันบาท เราต้องการปลูกฝังการฝากเงินตั้งแต่เด็ก เรียนหนังสือจนจบและทำงานก็จะมีเงินฝากเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เรียกว่าเราเลี้ยงต้อยให้เติบโตขึ้นมา เขาอาจเป็นลูกค้ารายใหญ่ของธนาคารก็ได้ ถือเป็นการทำ CSR ให้เด็กออมเงินของเรา” นายชาติชายกล่าว

ฉากต่อไปคงติดตามดู มีคนมาใช้บริการมากน้อยเพียงใด เพราะการฝากเงินขึ้นกับคนคนนั้นต้องมีเงินและมีวินัยทางการเงินด้วย