ประธานสมาคมธนาคารไทย วอนรัฐดูแลบาทแข็ง ยันธปท.ยังไม่มีสั่งเข้มงวดธุรกรรมต่างชาติ

ประธานสมาคมธนาคารไทยวอนรัฐดูแลบาทแข็ง ยันธปท.ยังไม่มีสั่งเข้มงวดธุรกรรมต่างชาติ ระบุเอกชนอยากเห็นค่าเงินไม่ผันผวน-ศก.มีเสถียรภาพโตไม่ต่ำกว่า 3% แจงแบงก์กสิกรคาดครึ่งปีหลังจีดีพีโต 3.2% ดีกว่าครึ่งปีแรกที่คาดโต 3% ส่งผลให้ทั้งปีคาดโต 3.1%

นายปรีดี ดาวฉาย  กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ภาคเอกชน เป็นห่วงค่าเงินบาทที่แข็งค่า แต่การแข็งค่าต้องดูว่า เงินบาทแข็งค่าผิดปกติ ไปจากประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ซึ่งการที่มีฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามามากก็เป็นไปได้ที่จะแข็งกว่าเพื่อนบ้าน เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง นักลงทุนต่างชาติก็ต้องการเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สำหรับผู้ที่ค้าขาย ทำธุรกิจก็ควรจะต้องป้องกันความเสี่ยง โดยกำหนดต้นทุนกับราคาขายให้มีกำไร ไม่ต้องรอค่าเงินที่แกว่งไปมา หรือ ล็อกต้นทุนไว้ จะได้ไม่ต้องกังวลกับความผันผวน อย่างไรก็ดี ยืนยันว่า ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่ได้สั่งให้แบงก์เข้มงวดธุรกรรมต่างชาติเพิ่มเติม จากที่เคยมีกติกาเดิมอยู่แล้ว โดยแบงก์ก็ทำธุรกิจแบบไม่ได้ย่อหย่อน
“ผมคิดว่า ถ้าเป็นเรื่องนี้ต้องดูภาพรวม จะทำมาตรการอะไรที่เหมาะสม เพราะแต่ละมาตรการ ทำลงไป ไม่ได้มีผลบวกอย่างเดียว แต่มีผลกระทบด้านอื่น ๆด้วย” นายปรีดีกล่าว

นายปรีดี กล่าวต่อว่า สิ่งที่ภาคเอกชนมอง เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา ก็คือ อยากเห็นเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ การเติบโตไม่ควรต่ำกว่า 3% ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยน ก็ไม่ควรผันผวน รวมถึงการมีวินัยทางด้านการเงินการคลัง “ก่อนจะมีการประชุมระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ก็มีความตึงเครียดที่กระทบการส่งออก แต่พอผลประชุมออกมาแล้ว ทุกคนก็เห็นว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะมีการหาทางออก ซึ่งเราเข้าใจว่า ถ้ามีการหาทางออกกัน ก็มีโอกาสที่จะไม่แย่อย่างที่คิดไว้ ฉะนั้นการส่งออก ก็ต้องมาดูกันอีกที” 

ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทย มองภาวะเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังน่าจะโตได้ 3.2% ต่อปี ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่คาดว่าจะโตราว 3% ต่อปี ทำให้ทั้งปีเติบโตราว 3.1% ต่อปี เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลจะสำเร็จในไม่ช้านี้ ซึ่งจะทำให้การจัดทำงบประมาณสามารถเริ่มเดินหน้าได้ จากที่กังวลกัน โดยเมื่อกฎหมายงบประมาณออกมา การจับจ่ายใช้สอยตามกรอบงบฯ ก็จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ก็จะส่งผลต่อการลงทุนต่าง ๆ ความเชื่อมั่นก็จะกลับมา “งบฯ ล่าช้าไม่ทันปีนี้ ก็จริง แต่ก็จะมีจุดเริ่มต้นการทำงบฯ ผมเชื่อว่ารัฐบาลที่เข้ามาก็คงรีบเร่งทำให้เสร็จเพื่อสร้างความเชื่อมั่น คิดว่าเกินสิ้นปีนี้น่าจะเสร็จได้ แต่จริง ๆแล้วช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ก็มีการเบิกจ่ายได้อยู่ เพียงแต่มีข้อจำกัด” นายปรีดีกล่าว

อีกทั้งยังมองว่า เมื่ิอตั้งรัฐบาลเสร็จ รัฐบาลชุดใหม่มี 2 เรื่องที่ต้องเร่งทำ คือ งบประมาณประจำปี และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คิดว่าทางภาครัฐเตรียมพร้อมรอไว้แล้ว เพียงแต่ต้องรอให้มีคนมาตัดสินใจ ส่วนจะกระตุ้นตรงไหน ก็ขึ้นกับภาครัฐที่มองเห็นตัวเลขว่าไหนควรเข้าไปกระตุ้น