ก.ล.ต.เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกองทุนที่มีกำหนดอายุโครงการ (เทอมฟันด์) เพื่อให้กองทุนดังกล่าวมีการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนมากขึ้น ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอและเหมาะสมในการประกอบการตัดสินใจลงทุน และไม่เข้าใจผิดว่าการลงทุนในเทอมฟันด์เป็นการฝากเงินในธนาคารพาณิชย์
ปัจจุบันเทอมฟันด์ได้รับความนิยมสูงจากทั้งผู้ลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และธนาคารพาณิชย์ โดยสิ้นไตรมาส 1/62 มีมูลค่าประมาณ 7.7 แสนล้านบาท โดยเป็นกองทุนที่ขายผู้ลงทุนรายย่อยในสัดส่วนสูงถึง 96% ของเทอมฟันด์ทั้งหมด ทั้งนี้กองทุนประเภทดังกล่าวมีลักษณะเฉพาะที่ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนดอายุกองทุนรวม และอาจมีความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัวในตราสารที่ออก โดยผู้ออกรายใดรายหนึ่งหากเกิดปัญหาความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกตราสารรายใดรายหนึ่งในพอร์ตการลงทุนของกองทุนรวม จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนรวมลดลงมาก และอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมกองทุนรวมในวงกว้างได้
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงมีแนวคิดปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเทอมฟันด์ อาทิ การปรับลดเพดานอัตราส่วนการลงทุนของเทอมฟันด์เพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (retail term fund) ในเงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝากจากผู้ออกรายใดรายหนึ่ง (single entity limit) เหลือ 10% จากเดิม 20% และเพิ่มเติมการเปิดเผยข้อมูลในหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ (factsheet) เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอและเหมาะสมในการประกอบการตัดสินใจลงทุน
โดยไม่เข้าใจว่าเทอมฟันด์เป็นเงินฝากธนาคารพาณิชย์ และเป็นการลงทุนที่ปราศจากความเสี่ยง รวมทั้งให้แสดงแถบมิติสะท้อนความเสี่ยงแปรผันตามการลงทุนที่กระจุกตัวในประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง เช่น การลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมหนึ่งมากกว่า 80% ของพอร์ตการลงทุน ถือว่ามีความเสี่ยงสูง อีกทั้งกำหนดให้ระบุคำเตือนหน้าสมุดบัญชีแสดงสิทธิในหน่วยลงทุน