ค่าเงินบาทผันผวน หลัง กนง.มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เป็น 1.25%

แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (6/11) ที่ระดับ 30.25/26 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (5/11) ที่ระดับ 30.18/19 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นที่ระดับ 54.7 ในเดือน ต.ค. จากระดับ 52.6 ในเดือน ก.ย. ซึ่งดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย คำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 5.25 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ย. แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.25 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 5.50 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ส.ค. อย่างไรก็ดีสหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 5.4% ในเดือน ก.ย. หากเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว โดยการส่งออกสินค้าลดลงสู่ระดับ 2.06 แสนล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ย. ส่วนการนำเข้าสินค้าลดลงสู่ระดับ 2.584 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.24-30.38 บาท/ดอลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.30/31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับปัจจัยในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันที เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินและต่ำกว่าศักยภาพมากขึ้น จากการส่งออกที่ลดลง ส่งผลสู่การจ้างงานและอุปสงค์ในประเทศโดยกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ และเอืัอให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับสู่กรอบเป้าหมาย จึงเห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการออกประกาศปรับปรุงกฎเกณฑ์เพื่อเอื้อให้เงินทุนไหลออกและลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท โดยจะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 ประกอบด้วยการยกเว้นการนำเงินรายได้จากการส่งออกกลับประเทศ, การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ, การโอนเงินออกนอกประเทศ, การซื้อขายทองคำในประเทศเป็นเงินตราต่างประเทศ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินูโรในวันนี้ (6/11) ค่าเงินยูโรเปิดตลาดที่ระดับ 1.1070/73 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร 0.1% โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1067-1.1095 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1089/92 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนในวันนี้ (6/11) เปิดตลาดที่ระดับ 109.01/03 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (5/11) ที่ระดับ 108.87/90 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (ฺBOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือน ก.ย.ในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และคงอัตราดอกเบี้ยระยะยาวไว้ใกล้ระดับศูนย์ พร้อมกับคงขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ในปริมาณมาก พร้อมระบุว่ากรรมการ BOJ ได้หารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยกรรมการจำนวนหนึ่งเดือนว่า BOJ ควรคำนึงถึงผลกระทบในด้านลบจากการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นเวลานาน ทั้งนี้ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 108.92-109.15
เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 108.97/99 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (7/11), ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือน พ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (8/11)

Advertisment

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.4/-1.1 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.2/+0.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ