เฮ! หุ้นไทยแตะฝัน 1,700 จุด โบรกฯลั่น ต.ค.สตรองโหนเศรษฐกิจไทยรุ่ง

เข้าวินแล้ว หุ้นไทยแตะ 1,700 จุด โบรกฯ ฟันธงแนวโน้ม ต.ค.ยังแกร่ง ชี้หุ้นไซซ์รองในกลุ่มขึ้นแท่นพระเอกขับเคลื่อน ประเมินโอกาสหุ้นสินค้าอุปโภค พลิกทำกำไรโดดในปีนี้ อานิสงส์บัตรสวัสดิการคนจน ดันกำลังซื้อภายในประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันที่ 5 ต.ค. 2560 เปิดตลาดรอบเช้าสามารถเด้งขึ้นไปถึงระดับ 1,700.29 จุด ซึ่งถือว่าฝ่าแนวต้านหลัก 1,700 จุด ที่นักลงทุนรอกันมานานหลายปี อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นดัชนีได้ปรับลดลงมาปิดรอบเช้าอยู่ที่ 1,698.87 จุด

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนายการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า โอกาสที่ดัชนีแตะระดับ 1,700 จุดในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน ต.ค.นี้ จะเป็นช่วงสั้น ๆ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนต่างชาติจะทยอยขายทำกำไร เพราะจะเริ่มเข้าช่วงเทศกาลวันหยุดยาวต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนไทย ประเมินปัจจัยพื้นฐานของตลาดในช่วงเดือน ต.ค.นี้ และ “ขายทำกำไร”

“สำหรับแนวรับในปัจจุบัน ยังอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 1,650-1,660 จุด ซึ่งก็จะเป็นโอกาสที่เข้าซื้อหุ้นในตัวที่ยังปรับขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้น หรือหุ้นแล็กการ์ด ขณะที่หุ้นในกลุ่มที่ควรระมัดระวังการซื้อ คือ หุ้นกลุ่มที่ปรับสูงขึ้นแล้วก่อนหน้านี้และมีโอกาสทำกำไรได้น้อย” นายประกิตกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันยังอยู่ในภาวะขาขึ้น เนื่องจากยังมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจนมีการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น โดยขณะนี้หุ้นที่อยู่ระดับรอง ๆ ของกลุ่ม เริ่มมีการปรับตัวขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง หลังจากที่ก่อนหน้านี้หุ้นกลุ่มหลักได้ปรับตัวขึ้นไปสูงก่อนหน้าแล้ว

“ภาพรวมตลาดปัจจุบันจะเห็นว่าอัตราราคาปิดกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 17 เท่า ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะอยู่ที่ 11% ดังนั้นเมื่อนำมาหักลบแล้ว จะพบว่าแท้จริง P/E อยู่ที่ 15 เท่า จึงถือว่าอยู่ในระดับไม่ได้แพงจนเกินไป เราประเมินว่าเดือน ต.ค.นี้ มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะบวกต่อเนื่อง เข้าไปหาแนวต้านที่ระดับ 1,700 จุด” นายมงคลกล่าว

ด้านนายสรพล วีระเมธีกุล ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยมองว่ายังมีปัจจัยบวกจากต่างประเทศ ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่เงินเฟ้อ โดยรวมอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะหนุนให้เงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ยังไหลเข้าประเทศไทย ส่วนปัจจัยในประเทศยังมีแรงหนุนจากการคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เติบโตได้ถึง 3.5% ซึ่งมาจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว การส่งออก การบริโภคภายในประเทศ ที่เริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4 นี้ เนื่องจากเม็ดเงินจากบัตรสวัสดิการของภาครัฐที่ใส่ตรงเข้าระบบเศรษฐกิจฐานราก

“ในช่วงไตรมาส 4 นี้มีปัจจัยบวกรอบด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ทั้งการใช้จ่ายภาครัฐจากปีงบประมาณใหม่ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่จะกลับมาฟื้นตัวเด่นชัดในไตรมาส 4 น่าจะทำให้หุ้นกลุ่มพาณิชย์กลับมาเป็นบวก โดยเฉพาะหุ้น CPALL รวมทั้งกลุ่มการเงินและมีเดีย น่าสนใจในช่วงไตรมาส 4 นี้ แนะนำนักลงทุนหาโอกาสซื้อในช่วงปรับตัวลง เพราะตลาดหุ้นไทยจะยังเป็นบวกต่อเนื่อง เราประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,700 จุด ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในช่วงไตรมาส 4 ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,650-1,625 จุด ขณะที่กลุ่มแบงก์พบว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปรับตัวลดลง 5% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งได้รับผลกระทบจากส่วนต่างดอกเบี้ยที่ลดลง และสินเชื่อที่เติบโตต่ำ” นายสรพลกล่าว

นายสรพลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา พบว่าสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นมาเป็น 50% ของมูลค่ารวมทั้งตลาด จากก่อนหน้านี้มีสัดส่วนเพียง 40% เท่านั้น ขณะที่แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติยังน้อยกว่าก่อนหน้านั้น ทำให้เห็นว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะเก็งกำไรแล้ว