เอไอเอสยายปีกผนึกแบงก์กรุงเทพฯ รุกขายประกันผ่านแบงก์แอสชัวรันส์

กลุ่มบริษัทเอไอเอผนึกกำลังธนาคารกรุงเทพฯ รุกขายประกันผ่านแบงก์แอสชัวรันส์หลังบรรลุข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจระยะเวลา 15 ปี เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของเอไอเอแก่ลูกค้าในประเทศไทยผ่านเครือข่ายสาขา 1,200 สาขาทั่วประเทศ ขณะที่กรุงเทพประกันชีวิตยังคงเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตสะสมทรัพย์และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อแก่ลูกค้าธนาคารเหมือนเดิม

นายอึง เค็ง ฮุย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่า การบรรลุข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจระยะเวลา 15 ปี ในการเป็นพันธมิตรกับธนาคารกรุงเทพครั้งนี้ จะทำให้สถาบันการเงินซึ่งได้รับความเชื่อถือและมีความมั่นคงในระดับสูงในประเทศไทย 2 สถาบันได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน บริษัทมีความภาคภูมิใจที่ได้สนับสนุนลูกค้าในประเทศไทยมายาวนาน และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพฯ เพื่อนำเสนอความคุ้มครองและแผนการออมในระยะยาวแก่ลูกค้าของธนาคาร เอไอเอถือว่าการมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญ และบริษัทเชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกับธนาคารกรุงเทพจะนำมาซึ่งคุณประโยชน์ที่ยั่งยืนในระยะยาวสำหรับลูกค้า บุคลากร และผู้ถือหุ้น

ด้านนายตัน ฮาค เลห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่จะได้ทำงานร่วมกับธนาคารกรุงเทพฯ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่มีคุณภาพสูงแก่ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพจะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ของเอไอเอในประเทศไทย ควบคู่ไปกับช่องทางตัวแทนที่บริษัทดำเนินการมายาวนานและเป็นผู้นำในตลาดนี้ ในขณะเดียวกันก็จะเปิดโอกาสให้เอไอเอได้สนับสนุนคนไทยอีกเป็นจำนวนมากให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสุขภาพแข็งแรง และมีอายุยืนยาว

ส่วนนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ลูกค้าของธนาคารในปัจจุบันมีความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการประกันชีวิตในรูปแบบต่างๆ มากขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับการสะสมความมั่งคั่ง การออมเพื่ออนาคต และการสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัว โดยธนาคารและเอไอเอจะผสานความเชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อช่วยให้ลูกค้าของธนาคารสามารถเลือกแผนบริหารการเงินที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกช่วงชีวิต ซึ่งความร่วมมือกับเอไอเอจะทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและการออมที่หลากหลายยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

“ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ธนาคารกรุงเทพจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ทันสมัยและหลากหลายของเอไอเอต่อลูกค้าของธนาคารจำนวนหลายล้านรายทั่วประเทศ ซึ่งเป็นฐานลูกค้าบุคคลที่กว้างขวางลำดับต้น ๆ ในประเทศไทย ผ่านช่องทางการให้บริการต่าง ๆ ของธนาคาร รวมถึงเครือข่ายสาขาประมาณ 1,200 สาขาทั่วประเทศ และช่องทางบริการอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ โดยธนาคารกรุงเทพได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยและพัฒนาบุคลากร เพื่อนำเสนอความคุ้มครองจากบริการประกันชีวิตและการออมระยะยาวให้แก่ลูกค้าของธนาคาร”นายชาติศิริกล่าว

อย่างไรก็ตาม คณะผู้บริหารของธนาคารกรุงเทพเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกับเอไอเอจะช่วยให้ธนาคารสามารถสร้างความตระหนักของประชาชนถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงินและขยายธุรกิจประกันชีวิตจากฐานลูกค้าเดิมของธนาคาร ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งสององค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยในการทำข้อตกลงความร่วมมือกับเอไอเอในครั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพมีบริษัท Citigroup Global Markets Asia เป็นบริษัทที่ปรึกษา ส่วนเอไอเอมีบริษัท Evercore Partners International LLP เป็นบริษัทที่ปรึกษา

ขณะที่บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หลังจากได้รับการเปิดเผยจากธนาคารกรุงเทพ ถึงการบรรลุข้อตกลงในการทำสัญญาการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านช่องทางธานคารกับคู่ค้าเพิ่มเติมจากเดิมที่ธนาคารเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของบริษัทโดยที่ผลิตภัณฑ์หลักของ “บริษัท” ที่เสนอขายผ่าน “ธนาคาร” อยู่ในปัจจุบัน คิดเป็นมากกว่า 90% ของเบี้ยประกันรับรายใหม่ที่ขายผ่านช่องทางธนาคารทั้งหมดในระหว่างปี 2559 ยังคงอยู่ในข้อตกลงที่จะได้รับการเสนอขายผ่านสาขาทั่วประเทศของ “ธนาคาร” ต่อไป ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตสะสมทรัพย์และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อส่วนใหญ่ แก่ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพต่อไป

ด้านดร.ศิริ กำรเจริญดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่ธนาคารมีพันธมิตรในการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเพิ่มขึ้น เพื่อเติมเต็มและช่วยพัฒนาสินค้าที่หลากหลายขึ้นในการให้บริการต่อลูกค้าธนาคาร อีกทั้งช่วยพัฒนาและเสริมทักษะในการประกอบธุรกิจการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่มีคุณภาพให้แก่ธนาคาร ถือเป็นประโยชน์ต่อธนาคารและกลุ่มพันธมิตรในระยะยาวที่จะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้บริการลูกค้าธนาคารได้ดียิ่งขึ้น อันจะนำมาซึ่งการขยายตัวของธุรกิจโดยรวมร่วมกัน

นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนนโยบายและส่งเสริมให้สถาบันการเงินทำธุรกิจนายหน้าประกันชีวิตโดยเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของบริษัทประกันชีวิตมากกว่าหนึ่งแห่งเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภคอีกด้วย