อีไอซี ชี้เงินบาทเทียบคู่แข่ง 7 ปีแข็งโป๊ก 20.6%

อีไอซี ประเมินกรอบค่าเงินบาทปี 64 อยู่ที่ 29.50-30.50 บาท/ดอลลาร์ เผยช่วง 7 ปีย้อนหลังบาทแข็งค่ากว่าคู่ค้าคู่แข็ง 20.6% และเทียบดอลลาร์ 9.8% เหตุดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลสะสม 7% ลั่นเงินบาทแข็งค่าเกิน 5% ผูประกอบการเริ่มบริหารจัดการยาก

นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินบาทในปี 2564 มีทิศทางแข็งค่าขึ้น โดยให้กรอบประมาณการอยู่ที่ 29.50-30.50 บาทต่อดอลลาร์ จะเห็นว่าปัจจัยหลักมาจากเงินดอลลาร์อ่อนค่า ประกอบกับมีข่าวเรื่องวัคซีนและการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา ทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าจากต้นปี 2563 เงินบาทอ่อนค่าประมาณ 10%

อย่างไรก็ดี หากย้อนหลังไปในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทเมื่อเทียบคู่ค่าคู่แข่ง นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 ถึงปัจจุบันแข็งค่าราว 20.6% และเมื่อเทียบกับดอลลาร์แข็งค่าราว 9.8% ทั้งนี้ หากมองไปข้างหน้าเงินดอลลาร์ยังมีทิศทางอ่อนค่า เนื่องจากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัว และสงครามการค้าลดความรุนแรงลง ส่งผลให้เงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ประกอบกับไทยมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลสะสมค่อนข้างมากในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา เกินดุลฯ ราว 7% แม้ว่าจะลดลงตามรายได้จากนักท่องเที่ยวแต่ยังคงเห็นการเกินดุลฯ ราว 3% ของจีดีพี

ทั้งนี้ มองว่าค่าเงินบาทแข็งค่าในระดับ 3-5% ถือเป็นระดับที่ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการได้ แต่หากมากกว่าระดับ 5% ผู้ประกอบการเริ่มจะค่อนข้างลำบากและมีความท้าทาย โดยเฉพาะภาคเกษตรที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างไรก็ดี แนวทางการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถือว่ามาถูกทางแล้ว แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลา จึงจะเห็นผล

“แนวโน้มค่าเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่า และผันผวนตลอดเวลา โดยกรอบอยู่ที่ 29.50-30.50 บาทต่อดอลลาร์ เรามองว่ามีความเสี่ยงที่จะไปในด้านแข็งค่ามากกว่าอ่อนค่า โดยมาตรการที่ ธปท.ออกมาเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่คาดว่าน่าจะมีมาตรการออกมาดูแลอีก แต่การดูแลระยะสั้นคงเห็นการเข้าไปซื้อเงินดอลลาร์ เพื่อไม่ให้ไหลเร็วเกินไป”

Advertisment