นส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงิน และเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 ได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้วตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน หรือวันที่ 16 เมษายน 2561 ซึ่งในระหว่างที่ยังไม่มีการบังคับใช้ผู้ให้บริการ อาทิ ผู้ให้บริการระบบชำระเงิน เช่น ไอทีเอ็มเอ็กซ์ ทีพีเอ็น และผู้ให้บริการการชำระเงิน ทั้งที่เป็นธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร(นอนแบงก์) เช่น ทรูมันนี่ เคาเตอร์เซอร์วิส เอ็มเปย์ บัตรแรบบิท เป็นต้น ยังสามารถให้บริการภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน
“เมื่อกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบการทั้งผู้ให้บริการระบบและผู้ให้บริการการชำระเงินที่มีอยู่รวม 110 ราย ทั้งที่ให้บริการบัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรเติมเงิน แอพลิเคชั่นชำระเงินต่าง ๆ เป็นต้น ต้องยื่นขอใบอนุญาติใหม่หรือขอขึ้นทะเบียนภายใน 120 วัน หรือตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน – 13 สิงหาคม 2561 เพื่อจัดประเภทผู้ให้บริการออกเป็นประเภทต่าง ๆ แตกต่างจากกฎหมายเดิม หากไม่มีขออนุญาตตามระยะเวลาที่กำหนดไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้” นส.สิริธิดา กล่าว
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ทั้งนี้ สำหรับการประกอบธุรกิจต้องเป็น นิติบุคคลประเภทบริษัทจํากัด หรือบริษัทมหาชนจํากัด หรือนิติบุคคลอื่นตามที่ ธปท. ประกาศกําหนด หากไม่เป็นตามกำหนดมีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และหากประกอบธุรกิจระบบการชําระเงินโดยมิได้รับอนุญาต มีโทษจําคุกตั้งแต่ 2-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ที่มา มติชนออนไลน์