เปิดโลกนักการเงินรุ่นใหม่ YFS ลงสนามตลาดเงินตลาดหุ้นมาเลเซีย-เกาหลี (1)

โครงการ “Young Financial Star” (YFS) ถูกจัดมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งขึ้นปีที่ 15 แล้ว

โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) บมจ.ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต บมจ.ปตท. และหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ “การวางแผนการเงิน” อันจะเป็นการปูพื้นฐานไปสู่การพัฒนาตลาดทุนได้ในระยะยาว

ซึ่งสำหรับปีนี้ ได้มีการพานักศึกษาที่ชนะการประกวดวางแผนการเงินและการลงทุนทั้งรางวัล “Set Investment Star” รางวัล “TFEX Derivatives Star” รางวัล “Muang Thai Life Assurance Star” และรางวัล “PTT CSR Star Team” ลัดฟ้าไปประเทศมาเลเซียเพื่อทัศนศึกษาดูงานตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซา มาเลเซีย (Bursa Malaysia) และบริษัทประกันภัยรายใหญ่ (Etiqa Insurance) รวมถึงบินข้ามไปดูพิพิธภัณฑ์ธนาคารเกาหลี (Bank of Korea Money Museum) ที่ประเทศเกาหลีใต้ ช่วงระหว่างวันที่ 1-5 พ.ย.ที่ผ่านมา

“ปิยาภรณ์ คลองจันทร์” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลท. บอกว่า โครงการ YFS มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาตลาดทุนในระยะยาว และทำให้คนไทยมีความรู้ทางการเงินที่ดี สามารถวางแผนทางการเงินได้ตั้งแต่วัยเด็กครอบคลุมตั้งแต่การจัดการด้านการออม การปกป้องความมั่งคั่งในการทำประกันชีวิตและต่อยอดไปสู่การลงทุนในโปรดักต์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน หุ้น อนุพันธ์ เป็นต้น ขณะที่การพาผู้ชนะการประกวดไปดูงานจะทำให้ได้รับความรู้และประสบการณ์ จากการเปิดโลกทัศน์ตลาดทุนตลาดเงินที่นอกเหนือไปจากความรู้ห้องเรียนอย่างเดียว

“นักศึกษาจะได้เรียนรู้วิธีการปฏิบัติงานจริงว่า นักวิเคราะห์ นักวางแผนการเงิน ทำงานกันอย่างไร ซึ่งจะเป็นความรู้ที่ติดตัวน้อง ๆ ไปตลอด ไม่ว่าจะเข้าทำงานตรงกับสายงานนี้หรือไม่ก็ตาม ดังนั้น สิ่งที่น้องได้รับ นอกจากจะเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้ว ยังสามารถเป็นตัวแทนบอกต่อกับบุคคลอื่นได้ด้วย” นางสาวปิยาภรณ์กล่าว

Advertisment

สำหรับการจัดไปดูงานตลาดหุ้นมาเลเซียนั้น เนื่องจากมีการซื้อขาย 2 ตลาด คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นไทย แบ่งเป็นตลาดหลัก (main market) สำหรับซื้อขายหุ้นขนาดใหญ่ จำนวน 799 ตัว มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market cap) อยู่ที่ 12 ล้านล้านบาท คิดเป็น 119% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขณะที่ ตลท.ของไทยมีหุ้นอยู่ราว 600 ตัว มีมาร์เก็ตแคป 16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 106% ของ GDP

ส่วนอีกตลาดของมาเลเซีย เป็นตลาดหุ้นขนาดเล็ก เรียกว่า “ACE market” มีหุ้นซื้อขายทั้งหมด 108 ตัว มูลค่าราคาตลาด 1 แสนล้านบาท เทียบเคียงได้กับตลาด mai ของไทย แต่ตลาด mai มีขนาดใหญ่กว่า ด้วยมาร์เก็ตแคป 3 แสนล้านบาท และมีหุ้นซื้อขายอยู่ 114 ตัว

ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่เป็นส่วนประกอบของตลาดก็ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน เช่น กลุ่มธนาคาร พลังงาน และสื่อสาร ต่างกันแค่ตลาดหุ้นมาเลเซียจะมีกลุ่มการเกษตรประมาณ 8% มากกว่าตลาดหุ้นไทยมีหุ้นการเกษตรเพียง 0.5% นอกจากนี้ ในตลาดหุ้นมาเลเซียมีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันสูงถึง 60% ค่อนข้างสวนทางกับตลาดหุ้นไทยที่นักลงทุนรายย่อยอยู่กว่า 60% จึงมองได้ว่าเป็นตลาดหุ้นที่ผันผวนน้อย แต่ก็จะสอดรับกับปริมาณซื้อขายที่บางตากว่าตลาดหุ้นไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นทั้ง 2 ประเทศ มีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติไม่แตกต่างกันมากนักอยู่ที่ 20%

ส่วนด้านธุรกิจประกันภัย ต้องยอมรับว่ามาเลเซียเป็นตลาดประกันภัยรายใหญ่ที่เชี่ยวชาญโปรดักต์ “ตะกาฟุล” หรือกรมธรรม์สำหรับลูกค้ามุสลิม โดยเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง “Etiqa” ซึ่งการเข้าไปเยี่ยมชมครั้งนี้่ได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก Ms.Luisa Evaristo Chief Risk Officer และ Mr.Chris Eng Poh Yoon Chief Strategy Officer ในการให้ความรู้กับน้องๆ ซึ่ง Etiqa ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านดิจิทัลโดดเด่นมากในการขายผลิตภัณฑ์ตะกาฟุล รวมถึงโปรดักต์ประกันอื่น ๆ เช่น ประกันชีวิตควบการลงทุน ประกันรถยนต์ ซึ่ง Etiqa ใช้ระยะเวลารุกตลาดออนไลน์แค่ 3-4 ปี สามารถสร้างยอดขายเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักมาโดยตลอดส่งผลให้ปัจจุบัน Etiqa ครองมาร์เก็ตแชร์กว่า 77% จากช่องทางจัดจำหน่ายหลัก คือ 1.แบงก์แอสชัวรันซ์ ผ่านบริษัทแม่ “Maybank” 2.ตัวแทน/นายหน้ากว่า 18,000 ราย 3.ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ และ 4.ช่องทางตลาดแบบตรง โดยมีโปรดักต์ประเภท “General Takaful” เป็นเบอร์ 1 ด้านยอดขาย ขณะที่มีสัดส่วนยอดขายยูนิตลิงค์อยู่ที่ 20% เติบโตมากที่สุดในรอบ 5 ปี ซึ่งมาจากการที่ Etiqa สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment) ได้สูงถึง 17%

Advertisment

“ปิดท้ายด้วยการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ธนาคารเกาหลี ที่เป็นแหล่งรวบรวมเงินตราถึง 4,500 ชนิด ซึ่งงานนี้มีการจัดแสดงขั้นตอนการทำเหรียญและการตรวจสอบธนบัตรปลอมให้รับชม ซึ่งไฮไลต์อยู่ตรงที่ปัจจุบันธนบัตรเกาหลีไม่ได้ทำจากกระดาษ แต่ทำมาจาก cotton 100%” นางสาวปิยภรณ์กล่าว

(โปรดติดตามนักศึกษาผู้ชนะการประกวดโครงการ YFS จะมาเล่าประสบการณ์สุดประทับใจกับการร่วมเดินทางไปทัศนศึกษาครั้งนี้ในตอนที่ 2 ฉบับหน้า)