CV จ่อเทรดต้น ก.ย. ชี้ธุรกิจโตล้อเมกะเทรนด์ “พลังงานสีเขียว”

โคลเวอร์ เพาเวอร์

“โคลเวอร์ เพาเวอร์ (CV)” คาดเข้าเทรดวันแรกต้นเดือน ก.ย. 64 เตรียมเปิดจองซื้อหุ้น IPO วันที่ 25-27 ส.ค. 64 เสนอขาย 320 ล้านหุ้น มูลค่า 1,248 ล้านบาท ‘ผู้บริหาร’ เชื่อมั่นธุรกิจเติบโตล้อเมกะเทรนด์ “พลังงานสีเขียว”

วันที่ 24 สิงหาคม 2564 นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV กล่าวว่า บริษัทประเมินว่าจะสามารถเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) หมวดพลังงานและสาธาณูปโภคได้ประมาณต้นเดือนกันยายน 2564 ที่จะถึงนี้ แม้อยู่ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดโควิด แต่ด้วยข้อดีของบริษัทคือมีขนาดเล็กที่ใช้งบประมาณไม่มาก แต่มีโอกาสเติบได้เร็วและเป็นธุรกิจเมกะเทรนด์และอยู่ในธุรกิจที่กำลังเติบโตในพลังงานสีเขียว

ปัจจุบัน CV มีโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว 4 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 26.2 เมกะวัตต์ และมีปริมาณขายไฟฟ้าตามสัญญารวม 23.6 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 โครงการ และโรงไฟฟ้าขยะ 1 โครงการ

รวมถึงโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากนโยบายที่ส่งเสริมพลังงานทดแทน ส่งผลเชิงบวกให้กับบริษัททั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้นจึงสะท้อนให้เห็นว่าโอกาสในการเติบของธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศไทยยังมีอีกมากซึ่งเติบโตสวนทางกับสถานการณ์ที่เกิดในปัจจุบัน และด้วยศักยภาพและความเชี่ยวชาญของบริษัทที่ประกอบธุรกิจมายาวนานกว่า 15 ปี ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตในในระยะยาว

ทั้งนี้บริษัทได้วางแผนการเติบโตผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ทั้งลงทุนพัฒนาโครงการ และเข้าลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดทั้งในและต่างประเทศ ลงทุนในธุรกิจสนับสนุนด้านเชื้อเพลิงซึ่งเป็นวัตถุดิบผลิตไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นคงและต่อยอดซึ่งกันและกัน ประกอบกับสิ่งที่บริษัทได้ลงทุนมาก่อนหน้า เริ่มรับรู้แบบเป็นรูปธรรมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มปีจากโรงไฟฟ้า CPX, RTB ซึ่ง COD แล้วตั้งแต่ปี 2563

รวมถึงโครงการโรงคัดแยกขยะ จ.พิจิตร ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างที่จะเข้ามาช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบ และสร้างรายได้จากการขายวัตถุดิบให้โรงไฟฟ้าอื่น ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในปีนี้ รวมถึงการลงทุนในกิจการด้านงานวิศวกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มวิศวกรรมให้กว้างขึ้น ถือเป็นการสร้างรายได้ที่เติบโตอย่างยั่งยืนอีกทางหนึ่ง

นายชัยพัชร์ นาคมณฑนาคุ้ม  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.โคลเวอร์ เพาเวอร์ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 3.90 บาทต่อหุ้น โดยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 25-27 สิงหาคม จำนวนหุ้นที่เสนอขาย 320 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ โดยจะเข้าดำเนินการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET หมวดพลังานและสาธารณูปโภค

ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมสะท้อนพื้นฐานและศักยภาพการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และเป็นผู้ให้บริการทางด้านวิศวกรรมแบบครบวงจร ทั้งการออกแบบก่อสร้างโรงไฟฟ้า บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษา ตลอดจนลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากว่า 15 ปี ที่สร้างโอกาสเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต

สำหรับวัตถุประสงค์ในการใช้เงิน ประกอบด้วย

1.เงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ภายในปี 2564-2566 คือ

– การเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก กำลังการผลิตติดตั้ง 7.36 เมกะวัตต์ จำนวนเงินที่ใช้โดยประมาณ 110 ล้านบาท (ภายในปี’64)

– พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตติดตั้ง 39.8 เมกะวัตต์ จำนวนเงินที่ใช้โดยประมาณ 450 ล้านบาท (ภายในปี’64-66)

– พัฒนาโครงการ และเข้าลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด รวมไปถึงลงทุนในกิจการด้านงานวิศวกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งในไทยและต่างประเทศ จำนวนเงินที่ใช้โดยประมาณ 180 ล้านบาท (ภายในปี’64-66)

2.ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และเงินกู้ยืมกรรมการ จำนวนเงินที่ใช้โดยประมาณ 330 ล้านบาท (ภายในปี’64) ภายในปี’64 วงเงิน 330 ล้านบาท

3.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท จำนวนเงินที่ใช้โดยประมาณ 125 ล้านบาท (ภายในปี’64-66)

เสนอขายผ่าน 5 บริษัทหลักทรัพย์ ได้แก่

– บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน)
เว็บไซต์ www.ktbst.co.th

–  บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน)
เว็บไซต์ www.aira.co.th

– บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
เว็บไซต์ www.lhsec.co.th

– บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน)
เว็บไซต์ www.merchant.co.th

– บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
เว็บไซต์ www.cgsec.co.th

นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล กล่าวต่อว่า ด้วยบริษัทมีความมั่นคงและมีการเติบโตที่ต่อเนื่องด้วยสินทรัพย์และรายได้หลักที่มาจากการผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นระยะยาวและมีการเติบโตเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่า CV จะเป็นหุ้นที่มีความมั่นคงและเติบโตและเป็นหุ้นเล็ก ๆ ที่มีอนาคตและมีความน่าสนใจ