บมจ. ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) 5 ต.ค. นี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า “SVT” ระดมทุน 508 ล้านบาทขยายธุรกิจ เล็งเดินหน้าติดตั้งเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติให้ครบ 20,000 เครื่องภายในปี 2566
วันที่ 4 ตุลาคม 2564 นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ในกลุ่มบริการ หมวดพาณิชย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SVT” ในวันที่ 5 ตุลาคม 2564
ด้าน SVT เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SUNVENDING” โดยจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ทั้งเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยวและขนมปังเบเกอรี่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ ผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ที่ติดตั้งให้บริการจำนวน 13,884 เครื่อง ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการ 26 จังหวัด โดยสัดส่วนของทำเลที่ตั้งประมาณ 70% อยู่ในพื้นที่โรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดระยอง ชลบุรี และอยุธยา
นอกจากนี้บริษัทมีการสร้างมูลค่าเพิ่มโดยให้บริการพื้นที่โฆษณาบนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ รวมไปถึงการที่บริษัทมีโรงงานปรับปรุงสภาพและประกอบเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ช่วยให้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคาต้นทุนของตู้เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าตามความต้องการ
นอกจากนี้ SVT มีทุนจดทะเบียน 700 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 500 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 200 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 22-23 และ 27 กันยายน 2564 ในราคาหุ้นละ 2.54 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 508 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,778 ล้านบาท โดยมี บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ
นางอาภัสรา ภาณุพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ “SVT” เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หุ้น SVT จะได้เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการจัดหาเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายที่จะติดตั้งให้บริการให้ครบ 20,000 เครื่อง ภายในปี 2566
อีกทั้งบริษัทได้ปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาเป็นตู้อัจฉริยะ หรือ ตู้ Smart ในการตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวันของคนทั่วไปในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการใช้ระบบ cashless มากขึ้น โดยคาดว่าจะปรับเปลี่ยนเป็นตู้ Smart ในสัดส่วน 75% ของจำนวนตู้ทั้งหมดภายในปี 2566 นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนในการขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 3 สาขาในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ตามลำดับ รวมถึงการขยายไปสู่ธุรกิจให้เช่าตู้และธุรกิจแฟรนไชส์อีกด้วย
ทั้งนี้ กลยุทธ์ในการเติบโตของบริษัทจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และคงความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในประเทศไทย โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหักเงินสำรองตามกฎหมาย และข้อบังคับของบริษัท
ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับแผนการลงทุน สภาพคล่องกระแสเงินสด ผลการดำเนินงาน และความเหมาะสมอื่น ๆ ในอนาคต เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ซึ่ง SVT มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ลำดับแรกหลังไอพีโอ (IPO) ได้แก่ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ถือหุ้นรวม 44.02% และกลุ่มโชควัฒนา ถือหุ้นรวม 23.08% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว