ตลาดหุ้นทั่วโลกบวก รับเฟดปรับลดวงเงิน QE และตรึงดอกเบี้ยตามคาด

Baht-ดอลลาร์-1

ตลาดหุ้นทั่วโลกบวก รับเฟดปรับลดวงเงิน QE และตรึงดอกเบี้ยตามคาด ขณะที่เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 33.43/45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวการณ์เคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (4/11) ที่ระดับ 33.33/35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (3/11) ที่ระดับ 33.30/32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินบาทช่วงเช้ายังเคลื่อนไหวในกรอบภายหลังจากการประชุมกำหนดนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด โดยคณะกรรมการเฟดประกาศแผนการปรับลดวงเงิน QE ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนตามคาด ขณะที่มองว่าเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงเป็นการพุ่งขึ้นเพียงชั่วคราว ทำให้ตลาดลดการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด

โดยเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 0.00-0.25% ในการประชุมตามคาด พร้อมประกาศว่าจะปรับลดวงเงินในโครงการ QE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปรับลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง หรือ MBS เดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่งการลดวงเงิน QE ดังกล่าว จะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565

Advertisment

โดยในแถลงการณ์ระบุว่า คณะกรรมการ FOMC มีความเห็นว่าการปรับลดการซื้อพันธบัตรในวงเงินที่เท่า ๆ กัน ถือว่ามีความเหมาะสมในแต่ละเดือน แต่เฟดก็พร้อมที่จะปรับวงเงินการซื้อพันธบัตร หากมีการเปลี่ยนแปลงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิง อิงค์ หรือ ADP และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 571,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน และสูงกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 395,000 ตำแหน่ง

ด้านไอเอชเอส มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ หรือ PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.7 ในเดือนตุลาคมจากระดับ 54.9 ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเปิดขึ้น 0.2% ในเดือนกันยายน สูงกว่าที่คาดว่าจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น 0% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.0% ในเดือนสิงหาคม

Advertisment

สำหรับปัจจัยภายในประเทศนั้น นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ChulaCov 19 mRNA เพื่อทำการทดสอบทางคลินิกระยะที่ 3 และการผลิตเพื่อขึ้นทะเบียนวัคซีน เพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน กรอบวงเงิน 2,316 ล้านบท

และเห็นชอบในหลักการโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (Baiya) กรอบวงเงิน 1,309 ล้านบาท ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม (อว.) โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินเพิ่มเติม พ.ศ. 2564

ซึ่งโครงการนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในไทยและผ่านการทดสอบในระยะต่าง ๆ ตามเกณฑ์มาตรฐานสากล ส่งผลให้ไทยมีข้อมูลการวิจัยและพัฒนาวัคซีนในประเทศที่น่าเชื่อถือตามมาตรฐานสากล

ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 33.26-32.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.43/45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับความเคลื่อนไหวขอค่าเงินยูโร เปิดตลาดเช้าวันนี้ (4/11) ที่ระดับ 1.1610/12 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (3/11) ที่ระดับ 1.1609/11 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อภาคการผลิตในเดือนกันยายนฟื้นตัว หลังจากร่วงลงอย่างรุนแรงในเดือนสิงหาคม ท่ามกลางภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการผลิตของโรงงาน โดยยอดสั่งซื้อของภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 1.3% หลังจากร่วงลง 8.8% ในเดือนสิงหาคม โดยระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1546-1.1616 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1549/52 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน เปิดตลาดเช้าวันนี้ (4/11) ที่ระดับ 113.98/114.00 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (3/11) ที่ระดับ 113.84/86 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยในวันนี้ว่าบีโอเจ ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในเร็ว ๆ นี้ หลังเฟดประกาศตัดสินใจที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยระบุว่าจะผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% โดยระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 113.9-114.27 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 114.003/05 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐ (4/11), อัตราการว่างงาน (5/11), การจ้างงานนอกภาคเกษตร (5/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ 0.70/1.00 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ 1.25/2.00 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ