“กอบศักดิ์” ชี้เฟดถึงเวลาตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย แก้ปมเงินเฟ้อพุ่ง จับตา 4 สัญญาณหลังผลประชุมคืนนี้ ระบุปิดฉากยุคดอกเบี้ยต่ำแล้ว แนะใครจะ “ล็อกดอกเบี้ย” ต้องเร่งทำช่วงนี้
วันที่ 16 มีนาคม 2565 นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Dr.KOB” ระบุว่า คืนนี้ คือเส้นตายที่เฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) ต้องตัดสินใจแล้วว่า “ขนาดของยา” ที่จะจ่ายในรอบแรก จะต้องใช้ยาแรงแค่ไหน? จะเกินกว่าที่ทุกคนคาดหรือไม่?
- ด่วน! วอยซ์ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
โดยสิ่งที่เราต้องจับตามอง คือ 1.จะขึ้นเท่าไรคืนนี้ 2.ส่งสัญญาณว่า ปลายปีนี้จะไปจบอยู่ที่เท่าไร 3.ปี 2023 จะขึ้นอีกกี่เปอร์เซ็นต์ 4.จะขึ้นดอกเบี้ยไปสูงสุดเท่าไรในปี 2024 5.สุดท้ายจะเริ่มดูดสภาพคล่องกลับเมื่อไหร่ ด้วยอัตราเร็วแค่ไหน
เพราะเมื่อเทียบกับ 3 เดือนที่แล้ว สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐและโลกได้เปลี่ยนไปมาก เงินเฟ้อแรงขึ้น ราคาน้ำมันโลกสูงขึ้น ปัญหา Global supply disruption ที่คาดว่าจะดีขึ้น กลับแย่ลงกะทันหัน จากการเริ่มระบาดของโควิดในจีน และยังมีปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจจะลุกลาม ส่วนในสหรัฐ ตลาดแรงงานก็ตึงมากกว่าเดิม ล่าสุด อัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.8% ในหลาย ๆ มลรัฐว่างงานต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
“ทั้งหมดนี้ ทำให้กรรมการเฟดต้องคิดหนักว่า จะทำอย่างไรกับสภาพคล่องที่อัดฉีดไปจำนวนมาก เพื่อแก้วิกฤตโควิด ตลอดจนดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำเตี้ยติดดิน แต่ปัจจุบันไม่จำเป็นแล้ว ท่ามกลางปัญหาที่รุมเร้า และสถานการณ์ที่พลิกผันไปมา”
ทั้งนี้ หลักสำคัญในการตัดสินใจ คืออะไร 1.เงินเฟ้อคือเป้าหมายสำคัญ การดูแลเงินเฟ้อคือหน้าที่หลักของเฟด เฟดไม่สามารถปล่อยให้เงินเฟ้อลอยนวลได้ เมื่อเงินเฟ้อขึ้นมาสูงสุดในรอบ 40 ปี ที่ 7.9% และกำลังฝังรากลงไปในระบบเศรษฐกิจ ในกระบวนการปรับค่าจ้าง ในการคาดการณ์เงินเฟ้อ ทำให้ปัญหาเรื่องนี้ไม่เป็นเรื่องชั่วคราว (Transitory) อีกต่อไป
“พูดง่าย ๆ ถึงเวลาที่เฟดต้องออกโรงจัดการแต่เนิ่น ๆ ถึงเวลาขึ้นดอกเบี้ย เพื่อให้เงินเฟ้อระยะยาว กลับลงมาที่ 2% ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้”
2.เมื่อตัดสินใจแล้ว กลับไปกลับมาไม่ได้ หัวใจของการเป็นเฟด คือ Credibility ในการทำนโยบาย ถ้าขึ้นดอกวัน ลงดอกวัน วันนี้ส่งสัญญาณแบบหนึ่ง วันพรุ่งนี้ไปส่งสัญญาณอีกแบบ ก็จะเสียชื่อเสียง ด้วยเหตุนี้ ก่อนทำนโยบายต้องดูให้ดีว่า ต้องจ่ายยาประมาณไหนถึงเหมาะสม
นายกอบศักดิ์ระบุว่า ไม่น่าแปลกใจ เฟดจึงรีรอมาในช่วง 3 เดือน เพื่อขอดูว่า เงินเฟ้อจะลดลงเองหรือไม่ (ไม่ลด) รอดูว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกมากหรือไม่ (ราคาน้ำมันโลกขึ้น เคยไปถึง 130 ดอลลาร์/บาร์เรล ล่าสุดได้ลงมาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรลแล้ว ทำให้มีผลกับเงินเฟ้อบ้าง แต่ยังพอจัดการได้)
อย่างไรก็ตาม สงครามที่ยูเครนยังคงดำเนินอยู่ การเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับสหรัฐและพันธมิตรยังไม่น่าไว้วางใจ อะไร ๆ ก็เกิดได้ ทั้งหมดหมายความต่อไปว่า คืนนี้เฟดคงต้องเลือกจ่ายยาแบบค่อยเป็นค่อยไป ให้ยาเบื้องต้นไปก่อน พร้อมส่งสัญญาณว่า จะขอดูเหตุการณ์ก่อน แล้วค่อยไปปรับเพิ่มความแรงของยาทีหลัง โดยเฉพาะเมื่อสงครามที่ยูเครนจบลง โอกาสที่สหรัฐและพันธมิตรจะขัดแย้งอย่างรุนแรงกับรัสเซียได้คลี่คลายขึ้น และชัดเจนว่าปัญหาโควิดที่จีนจะลุกลามแค่ไหน ค่อยตัดสินใจอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้ มีนัยะต่อไปยังนักลงทุนที่อยากรู้อย่างยิ่งว่า “งานเลี้ยงจะเลิกราเร็วแค่ไหน ยังมีเวลาอีกนิดหรือไม่สำหรับการเก็งกำไร”
“ในเรื่องนี้ สิ่งที่น่าสนใจ ก็คือ yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 2 ปี ได้ขึ้นมาอยู่ที่ 1.845% ส่วนพันธบัตร 10 ปี ได้ทะลุขึ้นไปที่ 2.14% สูงสุดในรอบ 2 ปีกว่า ๆ สูงกว่าก่อนที่ปลายปี 2019 ก่อนเกิดโควิดเรียบร้อย !!! ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ก็คือ ระดับของดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในปัจจุบัน ได้กลับไปเท่ากับช่วงที่ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ (Fed Funds Rate) เคยอยู่ที่ 2.25-2.5% เรียบร้อยแล้ว แล้วมาลุ้นกันครับว่า คืนนี้ผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ “ยุคดอกเบี้ยต่ำ” กำลังปิดฉากลงแล้ว ถ้าใครคิดจะล็อกดอกเบี้ย ก็ต้องทำช่วงนี้ครับ” นายกอบศักดิ์ระบุ