บล.พาย แนะซื้อหุ้น “ค้าปลีก-โรงแรม-ร้านอาหาร” ได้ประโยชน์สงกรานต์

บล.พาย มองตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวจำกัด ประเมินกรอบไว้ที่ 1,677 – 1,700 จุด กลยุทธ์การลงทุนแนะให้ถือครองเงินสดจากระดับ Valuation ที่ค่อนข้างสูง พร้อมแนะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเทศกาลสงกรานต์เช่น “ค้าปลีก-โรงแรม- ร้านอาหาร” อาทิ BJC,M

วันที่ 11 เมษายน 2565 นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ “Pi” “พาย” กล่าวว่า สัปดาห์นี้ประเมินการเคลื่อนไหวของดัชนีค่อนข้างจำกัดสืบเนื่องจากว่าตลาดหุ้นไทยจะเปิดทำการเพียง 2 วัน (จันทร์ , อังคาร) หลังจากนั้นจะเข้าสู่วันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ในสัปดาห์นี้หลักๆแล้วจะไปรายงานในช่วงคืนวันอังคารตามเวลาประเทศไทย อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ Bloomberg คาดที่ 1.2%MoM ถัดมาจะเป็นดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐที่จะมีกำหนดรายงานในคืนวันพุธตามเวลาประเทศ Bloomberg คาดที่ 1.1%MoM และยอดค้าปลีกสหรัฐในวันพฤหัส Bloomberg คาดที่ 0.6%MoM ดังนั้นจะเห็นว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญจะรายงานช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ

อย่างไรก็ตามให้ระมัดระวังแรงขายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงวันอังคารเนื่องจากหลังวันอังคารเป็นต้นไปตัวเลขเศรษฐกิจที่รายงานออกมาจะค่อนข้างมีความสำคัญกับการลงทุนและเกี่ยวข้องโดยตรงกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งนักลงทุนบางส่วนอาจจะกังวลกับภาวะการลงทุนสัปดาห์หน้าจากการเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากกว่าเดิมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประเมินกรอบสัปดาห์นี้ 1,677 – 1,700 จุด

Advertisment

เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะให้ถือครองเงินสดจากระดับ Valuation ที่ค่อนข้างสูง ส่วนระยะสัปดาห์แนะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเทศกาลสงกรานต์ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL) โรงแรม (AWC CENTEL ERW MINT) สนามบิน (AOT) เครื่องดื่ม (ICHI TACC) ศูนย์การค้า (CPN) ร้านอาหาร (M) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)

– BJC : บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) แนะนำซื้อ / ราคาเป้าหมายที่ 40 บาทต่อหุ้น คาดผลประกอบการจะค่อยๆดีขึ้นในปี 2565 จากจุดต่ำสุดในปี 2564 หนุนจาก 1) ผลประกอบการ BigC ที่ดีขึ้น 2) ยอดขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ฟื้นตัวที่แข็งแกร่งทั้งในไทยและเวียดนาม 3) รายได้ค่าเช่าฟื้นตัวจากการให้ส่วนลดค่าเช่าที่ลดลง

– M : บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) แนะนำซื้อ / ราคาเป้าหมายที่ 61 บาทต่อหุ้น คาดว่า M จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/65 ที่ 393 ล้านบาท (+343%YoY, -2%QoQ) หนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในสามแบรนด์หลัก (MK, Yayoi และแหลมเจริญซีฟู้ด) หลังจากกลับมาให้บริการแบบรับประทานในร้าน พร้อมกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวตามอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น