บิ๊กโจ๊ก-กรมเจ้าท่า ตรวจอุบัติเหตุสปีดโบ๊ทชนกัน จ่อเพิ่มอายุนายท้ายเรือ แก้ขาดประสบการณ์ความรู้

เมื่อวันที่ 18 มกราคม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(รองผบช.ทท.) นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมเจ้าท่า พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผบก.ทท.3 พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบก.ทท.2 เข้าตรวจบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุเรือสปีดโบ๊ทชนกันเมื่อสองวันที่ผ่านมา บริเวณด้านหน้าของโบ๊ท ลากูน มารีน่า ห่างออกจากชายฝั่งประมาณ 600 เมตร ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นร่องน้ำ ที่เรือทุกลำใช้เป็นเส้นทางเข้าจอดเทียบเรือ เพื่อส่งนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่ง โดยหลังจากเกิดเหตุตำรวจลากเรือนำเที่ยวลำดังกล่าวเข้ามาจอดไว้ริมชายฝั่งแล้วเพื่อค้นหาสาเหตุของการชน

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าอาการล่าสุดของผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ มีด้วยกัน 10 คน เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8 คน ในจำนวนนี้หนึ่งคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ ส่วนที่เหลืออยู่ในโรงพยาบาลจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งนายท้ายเรือและเด็กเรือด้วย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่ามาร่วมตรวจที่เกิดเหตุกับนายจิรุตม์ เพื่อวางมาตรการแก้ไข นอกจากนี้ได้เข้าหารือร่วมกันกับทางจังหวัด และผู้ประกอบการเรือสปีดโบ๊ท โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อเสนอมาตรการในการแก้ไข โดยแบ่งออกเป็นสองส่วน คือในส่วนของความปลอดภัยของตัวเรือ และส่วนของนายท้ายเรือ

รองผบช.ทท. กล่าวว่าปัจจัยสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุ 5 ครั้งในรอบปีที่ผ่านมา มีเพียงครั้งเดียวที่เป็นเหตุระเบิดกลางทะเลในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยในเบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้สรุปสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความรู้และประสบการณ์ของนายท้ายเรือ ซึ่งในวันนี้ทางกรมเจ้าท่าเสนอให้เพิ่มอายุของนายท้ายเรือจาก 18 ปีเป็น 20 ถึง 22 ปี สำหรับใบประกาศนายท้ายเรือนั้น มีลักษณะใกล้เคียงกับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ โดยผู้ที่ได้รับใบประกาศสามารถขับเรือสปีดโบ้ทขนาด 30 และ 60 ตันกอสได้ทั่วประเทศ หลังสอบผ่านการขับขี่จากกรมเจ้าท่า

 

Advertisment

ที่มา มติชนออนไลน์