เช็กเงื่อนไข ครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ 3,000 บาท รับสิทธิถึง 15 พ.ค. นี้

ครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ ผู้ดูแลผู้สูงอายุ รัฐบาลสนับสนุนเงินช่วยเหลือ เริ่มยื่นเรื่อง พฤษภาคม 2567 เช็กการลงทะเบียนรับสิทธิ เงินเข้าบัญชี 

กรมกิจการผู้สูงอายุ เปิดเผยถึงการดำเนินการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ที่มีความต้องการอยู่กับครอบครัว ชุมชนและสังคม ภายใต้ระเบียบกรมฯ ว่าด้วยการคุ้มครองผู้สูงอายุแบบครอบครัวอุปถัมภ์ พ.ศ. 2566  โดยจะสนับสนุนงบประมาณให้ลูกหลานที่ต้องลาออกมาดูแลเครือญาติ หรือคนในชุมชนที่ดูแล “ผู้สูงอายุเปราะบางแล้วไม่มีใครดูแล” เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเข้าไปอยู่ในศูนย์พัฒนาการและสวัสดิการสังคม ซึ่งโครงการดังกล่าว จะเริ่มต้นในเดือน พฤษภาคม 2567

โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ จะเปิดรับคำขอรับสิทธิเงินครอบครัวอุปถัมภ์สำหรับการช่วยเหลือผู้ดูแลผู้สูงอายุจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ซึ่งสามารถยื่นคำขอรับสิทธิได้ที่หน่วยงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

ครอบครัวอุปถัมภ์ คืออะไร

ครอบครัวอุปถัมภ์ หมายความว่า บุคคลหรือครอบครัวที่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี ให้เป็นครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุที่มีฐานะยากจน และไม่มีผู้ดูแลหรือ มีแต่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ การคุ้มครองตามระเบียบนี้ ผู้สูงอายุต้องยินยอมเป็นหนังสือตามแบบที่อธิบดีกำหนด

กรณีผู้สูงอายุไม่สามารถให้การยินยอมได้ ให้นักสังคมสงเคราะห์เป็นผู้รวบรวมข้อเท็จจริง และเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการการขอคุ้มครองดูแลผู้สูงอายุให้ขอได้เพียงคราวละหนึ่งคน หากจะรับมากกว่านั้น ให้ระบุเหตุผล และความจำเป็นที่จะต้องรับผู้สูงอายุไว้คุ้มครองดูแลมากกว่าหนึ่งคน

Advertisment

วิธีการลงทะเบียนขอรับสิทธิ

คุณสมบัติ ผู้ประสงค์ขอเป็นครอบครัวอุปถัมภ์

  • สัญชาติไทย
  • อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
  • กรณีผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งมีความพร้อมและศักยภาพในการดูแลผู้สูงอายุ อาจได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการ เป็นราย ๆ ไป
  • มีที่อยู่อาศัยที่เป็นหลักแหล่ง และอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกับผู้สูงอายุ
  • ได้รับความยินยอมจากสมาชิกทุกคนในครอบครัวว่า “มีความพร้อมในการคุ้มครองผู้สูงอายุ”
  • ไม่เป็นผู้ต้องหาว่ากระทำผิดอาญา และอยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวนหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล

สถานที่ ยื่นความประสงค์การขอเป็นครอบครัวอุปถัมภ์

กรุงเทพมหานคร 

  • กรมกิจการผู้สูงอายุ
  • ศูนย์พัฒนาการ จัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค
  • หน่วยงานที่อธิบดีประกาศกำหนด

ต่างจังหวัด 

Advertisment
  • สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด
  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุที่อยู่ในจังหวัด

เอกสารหลักฐานของผู้ยื่นคำขอที่ต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่

    1. ทะเบียนบ้าน 
    2. บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวประเภทหนึ่งประเภทใดที่มีเลขประจำตัวประชาชน 
    3. รูปถ่ายหน้าตรง ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 1 รูป

หลังยื่นคำขอเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ ขั้นตอนต่อไปคืออะไร ?

หลังจากการยื่นขอเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุแล้ว นักสังคมสงเคราะห์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายไปเยี่ยมบ้านของผู้ยื่นคำขอและผู้สูงอายุ เพื่อสอบข้อเท็จจริงให้ได้ข้อมูลประวัติบุคคล ครอบครัว บุคคลที่เกี่ยวข้อง สภาพความเป็นอยู่และความเหมาะสม ตามแบบที่อธิบดีกำหนด เสนอต่อคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้ขอเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ เสนอต่ออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี

จากนั้น ให้อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี มีอำนาจพิจารณาดังต่อไปนี้

    1. อนุญาตเป็นครอบครัวอุปถัมภ์
    2. อนุมัติให้ความช่วยเหลือคุ้มครองดูแลผู้สูงอายุแก่ครอบครัวอุปถัมภ์ ครอบครัวละ 2,000 บาท ต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อเดือน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นและเหมาะสม อาจพิจารณาให้เงินช่วยเหลือได้ไม่เกินครอบครัวละ 3,000 บาทต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อเดือน
    3. สั่งยกเลิกการเป็นครอบครัวอุปถัมภ์

โดยการอนุญาตตาม (๑) ให้ผู้ได้รับอนุญาตเป็นครอบครัวอุปถัมภ์จัดทำบันทึกข้อตกลงตามแบบที่อธิบดีกำหนด

ให้นักสังคมสงเคราะห์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงพื้นที่เพื่อติดตามเยี่ยมเยียนผู้สูงอายุและครอบครัวอุปถัมภ์เป็นประจำ ทั้งนี ให้รายงานผลการติดตามเยี่ยมเยียนพร้อมรูปถ่ายของผู้สูงอายุและครอบครัวอุปถัมภ์ต่ออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี ตามแบบที่อธิบดีกำหนดปีละหนึ่งครั้งจนกว่าการคุ้มครองดูแลผู้สูงอายุจะสิ้นสุดลง

สำหรับโครงการสนับสนุนครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ ประจำปีงบประมาณ 2567 นั้น กรมกิจการผู้สูงอายุ เปิดเผยว่า เบื้องต้นรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพื่อให้การคุ้มครองผู้สูงอายุตามระเบียบฯ ที่ประเมินและคัดกรองไว้ว่ามีความเดือดร้อนจำเป็นเร่งด่วนต้องได้รับการคุ้มครองช่วยเหลือแบบครอบครัวอุปถัมภ์จากครอบครัว ชุมชน และสังคม จำนวน 1,107 ราย

เพื่อให้การคุ้มครองช่วยเหลือเป็นไปตามเจตนารมณ์ของระเบียบฯ และเป้าหมายของรัฐบาล พม.จึงอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมวิธีดำเนินการและตรวจสอบ รวมทั้ง สร้างความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายที่เดือดร้อนจำเป็นเร่งด่วนดังกล่าว และพร้อมประเมินคัดกรองขยายผลกลุ่มเป้าหมายต่อไป