ผู้ว่าเมืองกาญจน์ แจง กรณี รร.บ้านกุยแหย่หยุด 3 วัน กันโควิด

ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก โรงเรียนบ้านกุยแหย่

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจง กรณี รร.บ้านกุยแหย่หยุดเรียน 3 วัน เป็นเพียงมาตรการป้องกันที่ไม่ประมาทต่อสถานการณ์โควิด-19 เท่านั้น อย่าวิตกกับข่าวเกินไป

กรณีพบชาวเมียนมา 2 คน หลบหนีเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย ผ่านช่องทางธรรมชาติ และมาพักอาศัยในพื้นที่บ้านพุล่อ หมู่ 3 ตำบลลิ่นถิ่น อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เบื้องต้นมีอาการเข้าข่ายสงสัยป่วยโรคโควิด-19 และยังพบเด็กชายอายุ 1 ปี ในบ้านที่ทั้งสองคนไปพักอาศัยอยู่ด้วย ก็เข้าข่ายด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังพบผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านกุยแหย่ หมู่ที่ 2 บ้านกุยแหย่ ตำบลลิ่นถิ่น อีก 3 คน ทำให้ทางโรงเรียนบ้านกุยแหย่ ต้องสั่งปิดเรียนเป็นเวลา 3 วัน ทันที เพื่อรอผลการตรวจยืนยันหาเชื้อที่จะทราบผลในวันนี้ (2 ก.ย.63)

ความคืบหน้า ล่าสุด นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

“ข่าวปรากฏว่า โรงเรียนบ้านกุยแหย่ อ.ทองผาภูมิ มีการปิดโรงเรียนและทำการบิ๊กคลีนนิ่ง เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 สร้างความหวั่นวิตกกับพี่น้องประชาชนว่าจะเกิดการระบาดแพร่เชื้อในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีหรือไม่นั้น ขอเรียนให้ทราบดังนี้

1.ได้ส่งผู้ที่มีอาการไข้ 3 รายเป็นชายอายุ 20 ปี 1 ราย อายุ 17 ปี 1 รายเด็กอายุ 1 ขวบ 1 ราย ขณะนี้ผลการตรวจออกแล้ว 2 ราย ไม่พบเชื้อ ยังคงเหลือ 1 รายรอผลตรวจ (คนอายุ 17 ปี)

2.ได้ตรวจสอบแล้วชายทั้ง 2 คน เป็นผู้อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนและอยู่ในเขตหมู่บ้านและเขตใกล้เคียงเป็นเวลานานเกินกว่า 2 สัปดาห์แล้ว และไม่ได้เดินทางไปในที่ใดที่เสี่ยงต่อการรับเชื้อเลย

3.การประเมินเบื้องต้นของแพทย์อาการของไข้ไม่น่าจะมาจากเชื้อโควิดแต่อย่างไร

4.การที่ทางโรงเรียนสั่งปิดเรียนเป็นเพียงมาตรการป้องกันที่ไม่ประมาทต่อสถานการณ์เท่านั้น หากมีรายงานการตรวจเชื้อรายสุดท้ายถูกส่งมาจะเรียนให้ทราบโดยเร็ว จึงเรียนชี้แจงให้พี่น้อง ประชาชนทราบ และอย่าได้วิตกต่อข่าวจนเกินไป”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ว่าฝ่ายความมั่นคงของไทยจะเฝ้าระวังตามช่องทางเข้าออกในพื้นที่อย่างเคร่งครัด แต่ยังคงพบเห็นการลักลอบเดินข้ามแดนของคนต่างด้าวอยู่ โดยอาศัยช่องทางธรรมชาติที่มีมากกว่า 40 ช่องทาง ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดขึ้นในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และประเทศไทย

ข้อมูล มติชน