“โซนี่” ปักหลักไทยฐานผลิต ขยายลงทุน-จ้างงาน 2 พันตำแหน่ง

sony
ซ้าย สมโชค วุกถ้อง-ขวา ทาเคชิ มัตสึดะ

จากการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2567 มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงกิจการในกลุ่มแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Board หรือ PCB) โดยเพิ่มเติมบัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมในกลุ่มแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ให้ครอบคลุมกิจการสนับสนุนที่สำคัญในห่วงโซ่อุปทานของ PCB ได้แก่ Lamination, Drilling, Plating และ Routing รวมถึงกิจการผลิตวัตถุดิบสำคัญสำหรับการผลิต PCB ได้แก่ Copper Clad Laminate (CCL), Flexible CCL (FCCL) และ Prepreg และกิจการผลิตวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นอื่น ๆ สำหรับการผลิต PCB เช่น Dry Film, Transfer Film, Backup Board เป็นต้น

โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบที่นำมาผลิตเพื่อส่งออก และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี ซึ่งจำแนกตามความสำคัญของวัตถุดิบ เทคโนโลยี และขนาดการลงทุน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงความพยายามผลักดันไทยที่เป็นฐานการผลิตสำคัญของ PCB อยู่แล้ว ให้สามารถช่วงชิงโอกาสในการลงทุนมากขึ้น เพื่อก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำในตลาดโลก ทั้งอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนหน้าใหม่ และสนับสนุนการประกอบธุรกิจของนักลงทุนรายเดิม เช่น โซนี่ (Sony) ยักษ์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติญี่ปุ่น ที่ตั้งฐานการผลิตในไทยมามากกว่า 30 ปี

“โซนี่” พันธมิตรการลงทุน

นายวิรัตน์ ธัชศฤงคารสกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า มูลค่าการลงทุนโดยรวมเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ในปี 2566 ที่ผ่านมา ประมาณ 8 แสนล้านบาท ที่ผ่านมาไทยเป็นฐานการผลิตในช่วงกลางน้ำจนถึงปลายน้ำ แต่เชื่อว่าต่อจากนี้จะเห็นฐานการผลิตช่วงต้นน้ำมากขึ้น

“เราเปิดรับการลงทุนจากทุกภาคส่วนโดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการลงทุนกับไทยมาอย่างต่อเนื่องในหลากหลายอุตสาหกรรม แต่ตอนนี้ก็มีหลาย ๆประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยด้วย และโซนี่ถือเป็นพันธมิตรการลงทุนที่แข็งแกร่งของไทย โดยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่โซนี่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย BOI สนับสนุนการลงทุนไปกว่า 17 โครงการ มูลค่า 22,000 ล้านบาท คิดเป็นการจ้างงานมากกว่า 8,000 ตำแหน่ง”

อีกทั้งในช่วงเดือน ก.พ. 2567 โซนี่ขยายการลงทุนเพิ่มอีก 1 โครงการ เป็นการผลิตแผงวงจรรวม (Integrated Circuit หรือ IC) พร้อมขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ราว 5,000 ล้านบาท

ADVERTISMENT

เปิดอาคารผลิตแห่งใหม่

ล่าสุด โซนี่ ดีไวซ์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) หรือ SDT ในเครือโซนี่ เซมิคอนดักเตอร์ โซลูชั่นส์ เปิดอาคารผลิตแห่งใหม่ชื่อ “อาคาร 4” เป็นโรงงานประกอบเซ็นเซอร์รับภาพ (Image Sensor) สำหรับการใช้งานในยานยนต์ และอุปกรณ์แสดงผลต่าง ๆ ตลอดจนการผลิตอุปกรณ์เลเซอร์ (Laser Diodes) สำหรับนำไปใช้งานภายในศูนย์ข้อมูล (Data Center)

ADVERTISMENT

อาคารผลิตแห่งใหม่ เป็นอาคารที่มีความสูง 3 ชั้น และมีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 66,370 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ห้องสะอาด (คลีนรูม) 8,800 ตารางเมตร/ชั้น รวมทั้ง 3 ชั้น เป็น 26,400 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในที่ตั้งของ SDT จ.ปทุมธานี ซึ่งมีพื้นที่รวม 137,252 ตารางเมตร โดยใช้งบฯก่อสร้างอาคารราว 2,380 ล้านบาท

นายทาเคชิ มัตสึดะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ ดีไวซ์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การขยายกำลังการผลิตในครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมต่อแนวโน้มของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของกลุ่มผลิตภัณฑ์เซ็นเซอร์รับภาพ และคาดการณ์ว่าในปี 2578 รายได้จากกลุ่มนี้จะขยายตัวประมาณ 9% เมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการเซ็นเซอร์รับภาพแบบ CMOS ที่เติบโตตามตลาดสมาร์ทโฟน

“อาคารผลิตแห่งนี้จะเริ่มดำเนินการผลิต กลางปี 2567 ในกลุ่มอุปกรณ์เลเซอร์ที่ใช้บันทึก และอ่านข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์แทนหัวเข็มแบบเดิม รองรับการเติบโตของดาต้า และ AI จากนั้นจะค่อย ๆ ขยายการผลิตไปที่เซ็นเซอร์รับภาพในรถยนต์ คาดว่าในปี 2568 จะเดินเครื่องจักรได้เติมกำลังการผลิต ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 2,000 ตำแหน่ง ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันเรามีพนักงานอยู่ประมาณ 1,600 คน”

ข้อมูลบนเว็บไซต์ทางการของโซนี่ เซมิคอนดักเตอร์ โซลูชั่นส์ ระบุว่า การวิจัยและการผลิตในช่วงต้นน้ำจะอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น และกระจายการผลิตไปยังฐานการผลิตด้านเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศต่าง ๆ ซึ่งพิจารณาจากจุดแข็งของแต่ละประเทศ เช่น อิสราเอลรับผิดชอบการพัฒนาโมเด็มชิป และโซลูชั่นเกี่ยวกับ AI เบลเยียมพัฒนา Time of Flight (TOF) หรือเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับวัดระยะระหว่างเซ็นเซอร์กับวัตถุ ส่วนไทยถือเป็นฐานการประกอบเซ็นเซอร์เพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่นอกประเทศญี่ปุ่น

“ไทย” โดดเด่นปัจจัยหนุนรอบด้าน

นายทาเคชิกล่าวต่อว่า โซนี่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเชิงนโยบายและการส่งเสริมการลงทุนของ BOI รวมถึงไทยยังมีจุดแข็งเรื่องทักษะของแรงงาน และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา 3 อย่างนี้ไม่มีอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนหรือประกอบกิจการของเรา

“ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เซมิคอนดักเตอร์ และเซ็นเซอร์รับภาพ เป็นที่ต้องการของตลาดมาก เราจึงตัดสินใจขยายกำลังการผลิตในส่วนนี้เพิ่มเติม การมาลงทุนที่ไทยใช้ต้นทุนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เพราะเป็นฐานการผลิตเดิมอยู่แล้ว ทั้งความสามารถของวิศวกรไทยกับญี่ปุ่นก็ไม่ได้ต่างกันเลย”

นายสมโชค วุกถ้อง ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท โซนี่ ดีไวซ์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า การขยายฐานการผลิตในไทย มีปัจจัยหนุนหลายอย่าง นอกจากการสนับสนุนของรัฐบาล ยังมีเรื่องภูมิศาสตร์ ความพร้อมของที่ตั้ง สนามบิน และท่าเรือ ซึ่งส่งผลดีต่อระบบโลจิสติกส์

“ด้วยความที่การประกอบเซ็นเซอร์รับภาพยังไม่เป็นระบบอัตโนมัติ จึงจำเป็นต้องใช้แรงงานขั้นสูงในการควบคุมการผลิต ซึ่งแรงงานไทยมีทักษะ และความสามารถที่ตรงกับความต้องการของโซนี่ รวมถึงไทยยังมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับชาวต่างชาติ มีบริการที่ครอบคลุมสำหรับบริษัทญี่ปุ่น เช่น สภาหอการค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (JCCI) องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) เป็นต้น”

โอกาสในการเป็นผู้ผลิต “ต้นน้ำ”

นายทาเคชิกล่าวด้วยว่า แม้ในขณะนี้ไทยจะอยู่ในส่วนปลายของการผลิตหรือเป็นฐานการประกอบ แต่มีโอกาสที่จะเป็นฐานการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำได้ เพียงแต่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานเรื่องน้ำ และไฟฟ้าที่เสถียร และพร้อมต่อการผลิตมากกว่านี้ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อกระบวนการผลิตทั้งหมด

“ต้นทางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ต้องผลิตในห้องสะอาดตามอุณหภูมิที่กำหนด ไฟฟ้า และแรงดันน้ำต้องมีความเสถียรมาก ๆ ทำให้การผลิตช่วงต้นน้ำยังอยู่แค่ในประเทศญี่ปุ่น แต่เชื่อว่าด้วยศักยภาพของไทยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นฝีมือแรงงาน และการสนับสนุนของภาครัฐ จึงมีโอกาสที่ไทยจะเป็นต้นน้ำของการผลิตได้”