คอลัมน์ Pawoot.com
โดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
- กรุงไทย ปิดระบบ-แอป Next 11-12 และ 14 พ.ค. นี้ เช็กรายละเอียด
- เปิด 20 อันดับมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นด้านวิศวกรรมศาสตร์
- กรุงไทย เตือนลูกค้าอัพเดต Android เวอร์ชั่นล่าสุด ก่อนใช้แอปไม่ได้
การตลาดในยุคต่อไปจะอิงกับเทคโนโลยีมากขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีนี้ เราจะพูดถึง internet of things หุ่นยนต์ AR บล็อกเชนต่าง ๆ มากมายหรือเกี่ยว big data ฯลฯ หัวใจพื้นฐานการทำตลาดในยุคต่อไปคือ big data
หลายคนอาจมองไกลตัว เราจะใช้ big data อย่างไรได้บ้าง เคสหนึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่ง เวลากลางวันคนเยอะมากและรอนาน เมื่อเจอปัญหานี้ไปคุยกับเจ้าของร้านว่าเราทำให้การบริหารจัดการเรื่อง data ดีขึ้นดีกว่าไหม จึงให้ลองเก็บข้อมูลว่าอาหารจานไหนที่สั่งมากที่สุด ปรากฏว่า “ข้าวผัดกะเพราไข่ดาว” มียอดสั่งมากที่สุด จึง pre-cook เมนูนี้ไว้ก่อนทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้นมาก
นี่คือตัวอย่างว่า big data สำคัญ
การตลาดที่มีองค์ประกอบด้านเทคโนโลยีด้านอื่น ๆ มาเกี่ยวข้อง
เรากำลังพูดถึง sensor, connectivity, people & processes อุปกรณ์ต่าง ๆ รอบตัวเราเริ่มเก็บข้อมูลได้ดีมากขึ้น การตลาดยุคใหม่ต้องเอา data+sensor เอาเข้ามาวิเคราะห์ทุกอย่างให้ดีขึ้น
การตลาดยุคใหม่จะเริ่มมี connectivity เข้ามาเชื่อมโยงในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับใกล้ ๆ รวมถึงการเชื่อมต่อโครงข่ายในระดับใหญ่ จุดนี้เองที่จะทำให้วิธีการคิด การ execution วิธีการวางกลยุทธ์จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และสุดท้ายคือเรื่อง process จะเห็นได้ว่าการพัฒนาในเรื่องของการตลาดในเรื่องของเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าคุณยังคิดแบบเดิม ๆ ทำแบบเดิม ๆ คงได้ผลลัพธ์แบบเดิม ๆ แต่ถ้าคุณเอาวิธีการใหม่ ๆ เช่น เอา mobile มาใช้ เอา API มาใช้ เอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ คุณจะพบว่าการตลาดของคุณจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ฉะนั้นการตลาดยุคใหม่ต้องเอาทั้ง 3 ตัวนี้เข้าด้วยกัน
Personalize
เมื่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เริ่มมีบทบาทในการเก็บข้อมูลของลูกค้าได้ดีมากขึ้น ก้าวต่อไปของการทำการตลาดจะก้าวสู่การทำ personalize คือการทำการตลาดให้เหมาะกับบุคคลต่อบุคคล เรามีบุคคล มี data มากมายที่เอามาวิเคราะห์ ในแง่ของการตลาดจะเริ่มมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างที่จะทำให้สำหรับบุคคลคนนั้นได้ไม่ยากเลยทีเดียว การตลาดคงไม่ทำแบบเดิมอีกต่อไป มันจะ beyond มากกว่านั้น e-Commerce จะเริ่มขยับเข้าสู่การทำ branding และ awareness มากขึ้น
เช่นเดียวกัน ในโลกของเอเยนซี่ที่ branding เริ่มขยับเข้ามาสู่การทำ transaction ด้วยเช่นเดียวกัน สองโลกนี้กำลังประสานเข้าด้วยกัน
Segmented Marketing
บางครั้งการทำการตลาด การทำสินค้า branding ให้ลูกค้า ไม่จำเป็นต้องขายแบบพูดรวม ๆ บางครั้งหนึ่งแคมเปญที่เราทำอาจซอยย่อยลงไปได้ด้วย
การตลาดในยุคต่อไปจะไม่เป็น mass อีกต่อไป จะเป็นการสื่อสารเฉพาะกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มมี key message ที่สามารถเข้าถึง insight ของแต่ละกลุ่มได้ และจะเกิด conversion ได้สูงมากกว่า
Smart Recommendation
ในยุคต่อไปเมื่อมี data มากขึ้น และเริ่มเอามาวิเคราะห์มากขึ้น จะเริ่มเกิดคำว่า recommendation เมื่อมี data มากพอ เราจะคาดการณ์ได้ว่าลูกค้าควรต้องการชิ้นใดต่อไป เริ่มเกิดระบบที่เรียกว่า smart recommendation เช่น เรามีข้อมูลว่าลูกค้าคนหนึ่งชอบของสิ่งนี้ คุณจะเริ่มหาสินค้ากลุ่มที่คล้าย ๆ กันเพื่อนำเสนอ และยังรู้อีกว่าลูกค้าอีกคนก็ชอบสินค้าคล้าย ๆ กัน
นั่นคือการทำ collaborative filtering และ content filtering ฉะนั้น ถ้าคุณมี e-Commerce มีเว็บไซต์อยู่ และด้วย data ที่มีมากมายมหาศาล หากคุณนำมาวิเคราะห์ต่อได้ คุณจะ up selling & cross selling และ recommendation ให้กับลูกค้าได้ไม่ยาก
Wearable Device
กลุ่มข้อมูลในฝั่ง wearable กำลังเริ่มเข้ามามากขึ้น เดี๋ยวนี้เราซื้อ smart watch หรือ xiaomi ในราคาไม่ถึงพันบาท data เหล่านี้มีมากมายมหาศาล และบรรดาอุปกรณ์หรือผู้ผลิตเหล่านี้มี API เปิดให้ นักพัฒนาดึงข้อมูลของแต่ละคนได้ ทำให้สามารถทำแคมเปญ ทำการตลาด ทำการวิเคราะห์และนำเสนอให้กับใครหนึ่งคนได้ทันที