SHIPPOPปักธง‘ยูนิคอร์น’ เร่งโกอินเตอร์บุกBigData

แฟ้มภาพ

SHIPPOP ตั้งเป้าสู่ “ยูนิคอร์น” ใน 5 ปี เร่งพัฒนาบริการใหม่ปั๊มยอดโตเท่าตัว พาเหรดทั้ง COD Gateway big data พร้อมโกอินเตอร์ขยายรับอีคอมเมิร์ซข้ามประเทศ

นายสุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิปป๊อป จำกัด ผู้ให้บริการด้านระบบโลจิสติกส์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ SHIPPOP เปิดเผยว่า อีคอมเมิร์ซในไทยตั้งแต่ปี 2561-2565 โตเฉลี่ยปีละ 22% ผลักดันให้ธุรกิจโลจิสติกส์เติบโตด้วยการส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซราว 4 แสนชิ้นต่อวัน

ขณะที่ SHIPPOP ซึ่งมีบริการ Shipping Gateway ที่รวมผู้ให้บริการโลจิสติกส์ 15 รายมาให้ผู้ใช้งานซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ค้าออนไลน์เปรียบเทียบราคาและเลือกบริการที่เหมาะสมกับตัวเอง และเชื่อมต่อกับระบบติดตามสถานะการจัดส่ง การชำระค่าขนส่ง พิมพ์ใบแปะหน้าได้ทันที

จึงมียอดขนส่งผ่านระบบเพิ่มต่อเนื่อง จากปี 2559 ราว 1.8 แสนชิ้น เป็น 2.15 ล้านชิ้นในปี 2561 ทั้งยังทำกำไรได้ตั้งแต่ปีแรก ปัจจุบันมีรายได้กว่า 100 ล้านบาท สิ้นปีคาดว่าจะมีรายได้อย่างน้อย 200 ล้านบาท และเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่จะก้าวสู่สตาร์ตอัพระดับยูนิคอร์นที่มีมูลค่าบริษัท 3 หมื่นล้านบาท ภายในอีก 5 ปีจากนี้ จึงได้พัฒนาบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การเติบโตของบริษัทแต่ละปีอยู่ในอัตราก้าวกระโดด

ล่าสุดคือการเปิดให้บริการ COD Gateway ที่รวบรวมบริการเก็บเงินปลายทางของผู้ให้บริการขนส่งเชื่อมต่อกับบริการของ SHIPPOP อำนวยความสะดวกให้กับผู้ค้าออนไลน์ด้วยการลดขั้นตอนการทำงาน และได้อัตราค่าบริการที่ถูกกว่าปกติ ซึ่งได้รับผลตอบรับดีเนื่องจากผู้ซื้อของออนไลน์กว่า 65% ยังนิยมจ่ายเงินสดเมื่อได้รับสินค้า คาดว่า ณ สิ้นปีจะมียอดใช้งานผ่าน COD Gateway กว่า 2 แสนรายการ

Advertisment

ทั้งปลายปีนี้จะมีบริการใหม่ที่จะจับมือร่วมกับธนาคารเพื่อปฏิวัติรูปแบบการชำระเงินที่ต้องใช้หมุนเวียนผ่านอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ให้เป็นแบบ cashless ได้อย่างแท้จริง แก้ปัญหาเรื่องการบริหารกระแสเงินสดและการทุจริตที่อาจเกิดจากพนักงานขนส่งสินค้าได้

รวมถึงขยายบริการ Shipping Gateway ไปยังต่างประเทศ เพื่อรองรับการค้าแบบอีคอมเมิร์ซข้ามประเทศ ซึ่งได้เริ่มจับมือเป็นพันธมิตรกับไปรษณีย์ไทย DHL และผู้ให้บริการโลจิสติกส์อีกหลายราย เพื่อให้ผู้ค้าอีคอมเมิร์ซสามารถเปรียบเทียบราคาเลือกใช้งานได้ง่ายขึ้น และได้อัตราค่าบริการที่ถูกกว่าปกติ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศที่มีค่าขนส่งแพงมาก

นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายบริการด้าน big data เพื่อนำข้อมูลจากระบบทั้งหมดมาวิเคราะห์ตามโจทย์ความต้องการของลูกค้า และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการขยายธุรกิจกับพันธมิตรโดยเฉพาะด้านโลจิสติกส์ อาทิ การวิเคราะห์ถึงพื้นที่ที่เหมาะสมในการตั้งแวร์เฮาส์เพื่อกระจายสินค้าให้ถึงมือ
ผู้บริโภคเป้าหมายได้เร็วที่สุด