ใกล้ชิดคนไทยให้มากขึ้น Next Step ‘Netflix’

บริการคอนเทนต์ผ่านอินเทอร์เน็ต OTT (over-the-top) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เฉพาะในตลาดไทยก็มีผู้เล่นหลากหลายสัญชาติ

“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสพูดคุยกับ “ภราดร ศิรโกวิท” ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง Communications Manager Thailand & Vietnam ของ Netflix ผู้ให้บริการ OTT รายใหญ่ระดับโลก เกี่ยวกับทิศทางการทำตลาดในประเทศไทยของ Netflix ที่ปักธงเป้าหมายสำคัญไว้คือ “ใกล้ชิดกับคนไทยให้มากขึ้น”

แม้ว่า Netflix จะยังไม่มีสำนักงานในประเทศไทย หรือมีทีมงานที่ดูแลประเทศไทยโดยเฉพาะ แต่ได้เดินหน้าลงทุนโครงการ “ออริจินอลคอนเทนต์” ในไทยแล้ว โดยจะมี “เคว้ง” (The Stranded)

ที่สร้างร่วมกับ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และ H2L Media Group ประเดิมเป็นงานแรกให้สมาชิก Netflix ได้ชมกันในไตรมาส 4 ปีนี้

“ทั้งคอนเทนต์ ผู้ผลิต และนักแสดงไทยมีศัยภาพสูง Netflix จึงเดินหน้าหาพาร์ตเนอร์เพื่อสร้างออริจินอลคอนเทนต์ของไทยเพื่อให้ใกล้ชิดกับคนไทยมากขึ้น”

โดยออริจินอลคอนเทนต์จะเป็นอีกอาวุธสำคัญในการบุกตลาดไทยที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ซึ่งหลังทำตลาดในไทยมาได้พักใหญ่ แม้จะไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขใด ๆ เกี่ยวกับ Netflix ในไทยได้ แต่ยืนยันว่า “ไปได้ดี”

ส่วนประเด็นร้อน ๆ อย่างการเก็บภาษีจากธุรกิจ OTT ที่ภาครัฐหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยกำลังเฟ้นหาโมเดลที่จะบังคับใช้ให้ได้จริงนั้น Communications Manager Thailand & Vietnam ของ Netflix ระบุว่า Netflix พร้อมเดินตามกฎหมายของทุกประเทศที่เข้าไปทำธุรกิจ และพร้อมจะเข้าไปชี้แจงให้ข้อมูลกับภาครัฐหากมีโอกาส

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ ที่ Netflix รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มีรายได้ 4.92 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

มีผู้ที่สมัครชำระค่าบริการทั่วโลกอยู่ที่ 151.56 ล้านราย เพิ่มขึ้น 21.9% (YoY) โดยเป็นสมาชิกใหม่ 2.7 ล้านคนในไตรมาสนี้ น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 5 ล้านราย เป็นผลจากการเพิ่มค่าบริการและจำนวนซีรีส์เรื่องใหม่ที่ลดน้อยลง แต่คาดว่าครึ่งปีหลัง สถานการณ์จะดีขึ้น เพราะจะมีซีรีส์ใหม่ออกฉายจำนวนมาก คาดว่าจะมีลูกค้าใหม่ 7 ล้านราย

โดย “Ted Sarandos” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายคอนเทนต์ของ Netflix ให้สัมภาษณ์กับผู้ถือหุ้นว่า จะลงทุนเพิ่มกับออริจินอลคอนเทนต์ และพร้อมจะนำมาเผยแพร่กับสาธารณะมากขึ้น

ขณะที่ “Reed Hastings” ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Netflix กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับผู้ถือหุ้นว่า การแข่งขันในสงครามสตรีมมิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก จะไม่ใช่เกมที่ต้องมี

ผู้แพ้หรือผู้ชนะเพราะผู้บริโภคแต่ละคนไม่ได้บริโภคคอนเทนต์แค่ช่องทางเดียว

“พนันได้เลยว่าพนักงานของ Netflix ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของ HBO เมื่อเราชอบเนื้อหาของเขา ก็ยิ่งจะทำให้เราอยากทำคอนเทนต์ให้ดีขึ้นไปอีก”


ที่สำคัญคือ การแข่งขันจะช่วยดึงดูดให้ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการรับชมคอนเทนต์ในทีวีแบบเดิม ๆ เป็นรูปแบบสตรีมมิ่งได้เร็วขึ้น