เอสทีที จีดีซี ทุ่ม 7.3 พันล้านบาท รุกตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ไทย ชูจุดแข็ง “ดาต้าเซ็นเตอร์ไฮเปอร์สเกล” ช่วยให้ลูกค้าสเกลเร็วขึ้น 5 เท่า ตั้งเป้า 4 ปี รายได้ 1,000 ล้านบาท เล็งจับลูกค้าธนาคาร ภาครัฐ ค้าปลีกและ OTT
นายศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสทีที จีดีซี ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัท เอสทีที จีดีซี ประเทศไทย เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย” และ “เอสทีที จีดีซี” ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์จากสิงคโปร์
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
โดยได้ลงทุน 7.3 พันล้านบาทสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลแห่งแรกในไทย บนพื้นที่ 15 ไร่ ย่านรามคำแหง คาดว่าจะเปิดบริการในต้นปี 2564
สำหรับตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตปีละ 14-16% ขณะที่ทั่วโลกเติบโตเพียง 12% ดังนั้นไทยเติบโตสูงกว่าตลาดโลก
โดยปัจจัยมาจากองค์กรในไทยมีความตื่นตัวด้านการใช้เทคโนโลยี มีการพูดถึง เอไอ แมชีนเลิร์นนิ่ง ไอโอที ส่งผลให้มีความต้องการใช้คาพาซิตี้จะเพิ่มขึ้น
ดังนั้น ดาต้าเซ็นเตอร์ไฮเปอร์สเกลที่สามารถสเกลได้เร็วกว่ารูปแบบปกติถึง 5 เท่า จะเป็นที่ต้องการของตลาดในอนาคต เนื่องจากคุ้มทุนกว่าในระยะยาว เพราะสามารถเช่าเหมาดาต้าเซ็นเตอร์ได้ อีกทั้งสามารถเชื่อมกับฐานลูกค้าในประเทศอื่น ๆ ได้
นอกจากนี้ดาต้าเซ็นเตอร์แบบไฮเปอร์สเกลยังสามารถเชื่อมกับบริการได้ทุกค่าย ด้วยจุดแข็งทั้งหมด บริษัทตั้งเป้าทำรายได้ 1,000 ล้านบาทภายใน 4 ปี
โดยคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20% ซึ่งปัจจุบันเบอร์ 1 ในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ไทยมีส่วนแบ่ง 28%เบื้องต้น บริษัทจะเน้นทำตลาดในกลุ่มแบงก์, ภาครัฐ, ค้าปลีก และ OTT
“ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ประเทศไทยยังกลาง ๆ ไม่รุนแรงมากจนถึงขั้นตัดราคาเหมือนกับประเทศใหญ่ ๆ อาทิ จีน, อินเดีย”
ขณะที่ลูกค้าองค์กรจะไม่ใช่ “ราคา” เป็นจุดตัดสินใจ แต่จะเลือกใช้เพราะการโอเปอเรชั่นหรือประสบการณ์การใช้งาน และความชัดเจนในการให้บริการ รวมถึงความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการเป็นสำคัญ