ในที่สุดก็ถึงวันที่ AI ปัญญาประดิษฐ์ สามารถแนะนำหนทางสู่ “ความสุข” ให้กับมนุษย์แบบเจาะจงเฉพาะบุคคลได้ เมื่อ “ฮิตาชิ” ได้พัฒนาโซลูชั่น AI and Happiness ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งบนป้ายพนักงาน (nametags) หรือสายรัดข้อมือ (wristband) เพื่อเก็บข้อมูลการทำงาน พฤติกรรมการเคลื่อนไหว อัตราการเต้นของหัวใจ หรือแม้กระทั่งการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานของพนักงานในแต่ละวัน แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อแนะนำให้พนักงานทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะสร้าง “สุข” ระหว่างวัน
“ดร.คาซุโอะ ยาโน” ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI บริษัท ฮิตาชิ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2549 ได้สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการทำงานกับคุณภาพของงาน เพื่อเริ่มต้นค้นคว้าโซลูชั่นเพื่อแก้ไขปัญหาความเครียดให้กับพนักงาน โดยนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาปรับใช้จากการสำรวจพบว่า องค์กรที่มีความสุขในการทำงานสูง จะส่งผลให้คุณภาพของงานสูงตามไปด้วย
- ด่วน! วอยซ์ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
“กลุ่มที่มีความสุขมาก จะยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดีกว่ากลุ่มที่มีความสุขน้อย พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ”
แม้ว่า “ความสุข” จะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้ แต่ฮิตาชิสามารถ “วัด” ความสุขจากการเคลื่อนไหว การเต้นของหัวใจ การมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ผ่านอุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่ติดตัวพนักงาน เช่น ป้ายชื่อ จนสามารถวัดค่าความสุขได้อย่างเป็นระบบ
เหตุที่อุปกรณ์เซ็นเซอร์สามารถบ่งบอก “ความสุข” ได้ ทั้ง ๆ ที่ความสุขของมนุษย์แต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน ก็เพราะเมื่อมีความสุข การ “แสดงออก” ของทุกคนจะเหมือนกันในรูปแบบของการเต้นของชีพจร การแสดงออกของกล้ามเนื้อ AI จึงสามารถวิเคราะห์ความสุขได้จากสิ่งเหล่านี้
ขณะที่ “ดร.คาซุโอะ ยาโน” ระบุว่า จากการศึกษาวิจัยพบว่า สิ่งที่ทำให้เกิดความสุขมีองค์ประกอบหลายอย่างรวมกัน 50% คือ ยีนส์และพันธุกรรมต่าง ๆ 40% คือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความสุข และ 10% คือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาในขณะนั้น
จึงเป็นที่มาของการเกิดแอปพลิเคชั่น Happiness Planet ที่จะเก็บรูปแบบความสุขที่เกิดขึ้นของแต่ละบุคคล จากการเก็บข้อมูลกิจกรรมประจำวัน แล้วเก็บค่าปฏิกิริยาของร่างกายจากเซ็นเซอร์ แปรเป็นค่าความสุข เพื่อวิเคราะห์และหารูปแบบความสุขเฉพาะตัวของตนเอง จากนั้นจึงแนะนำวิธีการสร้างความสุขให้เพิ่มขึ้นด้วยการทำกิจกรรมต่าง ๆ
จากการทดสอบแอปพลิเคชั่นนี้กว่า 1 ปีครึ่ง ผ่าน 83 องค์กร 500 ทีม 4,300 คน พบว่า ผู้ทดสอบเข้าใจรูปแบบของความสุขมากขึ้น และส่งผลดีต่อการทำงาน ทำให้บริษัทมีกำไรมากขึ้นกว่า 27%