“อริยะ” ผันตัวตั้ง บ.ที่ปรึกษา แนะธุรกิจปรับตัวให้ทันโลก

กลับมาอีกครั้งในบทบาทใหม่ “อริยะ พนมยงค์” หลังอำลาช่อง 3 เมื่อต้นปี ล่าสุดตั้งบริษัทที่ปรึกษาเทคโนโลยี พร้อมได้โปรเจ็กต์สำคัญกับที่ปรึกษาด้านการบริหารธุรกิจออนไลน์ให้เชื่อมโยง digital experience ของค้าปลีกไทย “กลุ่มสยามพิวรรธน์”

“อริยะ พนมยงค์” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรานส์ฟอเมชันแนล จำกัด เปิดเผยว่า เพิ่งตั้งบริษัทเมื่อ ส.ค.ที่ผ่านมา มีเป้าหมายเพื่อสร้างนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ ๆ ให้บริษัทขนาดใหญ่ของไทย เพราะการอยู่รอดขององค์กรปัจจุบันต้องทรานส์ฟอร์มตนเองให้เร็ว โดยเฉพาะโควิด-19 หลายบริษัทให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนองค์กรจึงเป็นโอกาสของบริษัทเช่นกัน

• ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
• NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
• KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67

การทำธุรกิจปัจจุบันเปรียบได้กับการมีบ้าน 2 หลัง คือ บ้านที่กำลังไฟไหม้ เพราะธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิดกับบ้านหลังใหม่ที่ต้องสร้างเพื่ออนาคต

“ทุกคนเร่งดับไฟบ้านที่กำลังโดนเผาโดยไม่ได้มองอนาคต ดังนั้น องค์กรปัจจุบันต้องทำทั้งดับไฟและสร้างบ้านใหม่พร้อมกันไป จึงควรแยกทีมเป็น 2 ส่วนให้ชัดเจนเพื่อให้ธุรกิจเดินต่อไปได้”

แต่สิ่งที่องค์กรส่วนใหญ่ที่เจ็บตัวจากโควิด-19 ทำคือ ลดต้นทุน ซึ่งก็ทำได้แค่ระยะหนึ่งเท่านั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องหยุด เพราะไม่มีอะไรจะให้ตัดอีกแล้ว ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือสร้างธุรกิจใหม่ เพราะเชื่อว่าปลายปี 2564 สถานการณ์ต่าง ๆจะเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เมื่อถึงตอนนั้นทุกองค์กรต้องพร้อมที่จะวิ่งแล้ว ถ้าจะมาซ้อมวิ่งก่อนคงไม่ทัน จึงควรใช้จังหวะนี้สร้างนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโอกาสที่จะมาถึง

“อริยะ” บอกว่า การเข้าไปนั่งเป็นที่ปรึกษาให้กลุ่มสยามพิวรรธน์ในเบื้องต้นจะเป็นการพัฒนาบริการค้าปลีกใหม่ แต่เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ ส่วนลูกค้ารายอื่นอยู่ระหว่างเจรจา โดยจะโฟกัสบริษัทใหญ่ที่เป็นบริษัทไทยก่อน เพราะตัดสินใจได้ทันทีเพราะมีคนไทยเป็นเจ้าของ

“ด้วยศักยภาพบริษัทรับงานได้แค่ 4 โปรเจ็กต์ต่อปี ตอนนี้มี 2 บริษัท บริษัทไทยขนาดใหญ่มีศักยภาพ มีของดีอยู่แล้วแต่ยังอยู่ในโลกออฟไลน์ หน้าที่ของเราคือสร้างแพลตฟอร์มที่จะทำให้เกิดธุรกิจและรายได้ใหม่ในอนาคต”

นอกจากบทบาทที่ปรึกษาแล้ว เขายังเข้าไปลงทุนร่วมกับสตาร์ตอัพ (startup) ชื่อ “ScoutOut” ที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบสรรหาบุคคลแบบครบวงจร เพื่อพัฒนาระบบ HR tech ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้กว่า 9 ล้านคน

“เราเห็นโอกาสจากวิกฤตโควิด-19 ที่ทุกคน ทุกองค์กร พยายามรีสกิล อัพสกิลทำให้สตาร์ตอัพกลุ่ม HR tech เป็นอีกธุรกิจที่มาแรง ซึ่ง ScoutOut เป็นสะพานที่ผนวกทั้ง 2 ส่วนเข้าด้วยกัน”