จับตา 3 ดิจิทัลเทรนด์ บทบาทใหม่แบรนด์ การตลาดยุคหลังโควิด-19

Code & Craft แนะแบรนด์จับตา 3 ดิจิทัลเทรนด์ พฤติกรรมลูกค้า- O2O -กลยุทธ์ในการทำคอนเทนต์ เจาะกลุ่มเป้าหมายรับ New Normal การตลาดแบบใหม่ยุคหลังโควิด-19

วันที่ 28 สิงหาคม 2564 นายภาวิตร ภุชงคบุตร กรรมการผู้จัดการ Code & Craft บริษัทออกแบบ Digital Experience Solution ในเครือ แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป (Rabbit Digital Group) เผยถึงการเจาะลึก 3 การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ที่สำคัญ ที่แบรนด์ควรจับตามอง เพื่อเติบโตไปข้างหน้าในโลกที่ทุกอย่างย้ายไปอยู่บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งประกอบไปด้วย

1. Customer Behavior is the new black – เมื่อความท้าทายของแบรนด์ไม่ใช่ “แบรนด์คู่แข่ง” อีกต่อไป โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งกลายเป็นความท้าทายใหม่ของแบรนด์ โดยในอดีตนั้น แบรนด์มักจะให้ความสำคัญกับสถานการณ์ของตลาดและการเดินเกมของคู่แข่งเป็นอันดับต้นๆ แต่ตอนนี้แบรนด์ต้องหันมาใส่ใจกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น

จากผลสำรวจพฤติกรรมของคนหลังจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ของ PricewaterhouseCoopers (PwC) พบว่าคนระวังการใช้เงินมากขึ้น เพราะยังไม่วางใจว่าสถานการณ์การระบาดจะยืดเยื้อไปถึงเมื่อไร

นอกจากนี้ผู้บริโภคยังปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้สอดคล้องกับสภาพคล่องทางการเงินและสุขภาพอีกด้วย โดยคนไทยกว่า 57% มีแนวโน้มรับประทานอาหารที่ร้านน้อยลง และซื้อกลับบ้านมากขึ้น และ 44% ลดการใช้เงินไปกับกิจกรรมศิลปะ วัฒนธรรมและกีฬา

เมื่อเป็นเช่นนั้น แบรนด์ต้องเริ่มปรับกลยุทธ์การเข้าหาลูกค้า หยิบใช้นวัตกรรมใหม่ๆ สร้าง Customer Journey ที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในทุกมิติ ตั้งแต่ผู้บริโภคเริ่มสนใจแบรนด์ กลายเป็นลูกค้า รวมทั้งการบริการหลังการขายและรักษาลูกค้าในระยะยาว เรียกได้ว่าผู้บริโภคคาดหวัง Customer Experience ที่ดีที่สุดจากการเป็นลูกค้าของแบรนด์นั่นเอง

2.Dynamic Digital Ecosystem – O2O กับเส้นทางที่เป็นทั้ง Offline to Online และ Online to Offline ที่แม้ว่าคนรอบตัวหันมาสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์หรือ E-Commerce กันมากขึ้น แต่จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคของ PwC ยังระบุว่า กว่า 38% ของผู้บริโภคชาวไทยยังเลือกจับจ่ายสินค้าหน้าร้าน (Physical Store) เป็นช่องทางหลักอยู่

นั่นหมายความว่าแบรนด์ยังต้องให้ความสำคัญตลาดทั้ง Offline และ Online ควบคู่กันไป กลยุทธ์ O2O แบบเก่าอย่าง Online-to-Offline หรือ Offline-to-Online ทางเดียวนั้น อาจจะไม่เพียงพออีกแล้ว

โดยแบรนด์ต้องเริ่มประยุกต์ใช้ 2-Way O2O หรือการเดิน 2 ฝั่งไปพร้อมๆ กัน เพื่อพัฒนากลยุทธ์และเครื่องมือทางการตลาดว่าช่วงไหนเหมาะกับ Online และช่วงไหนจะใช้ Offline เพื่อให้แบรนด์ไม่ใช่แค่วิ่งตาม แต่เป็นการวิ่งไปพร้อมกับเทรนด์ของตลาดและผู้บริโภค

การมี Digital Ecosystem ของแบรนด์ที่สมบูรณ์จะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้าหาแบรนด์ สร้าง Brand Loyalty เพิ่มขึ้น และเกิดเป็นออนไลน์คอมมูนิตี้ของลูกค้าที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็น Top of Mind

3.Content Strategy – หรือกลยุทธ์ในการทำคอนเทนต์ เมื่อคอนเท้นไม่ได้หยุดอยู่แค่การให้ข้อมูลทางเดียวดังนั้นการทำคอนเทนต์ในยุคนี้นั้น นอกจากจะตระหนักถึงเนื้อหา ภาษาและโทนการเล่าเรื่อง แบรนด์ยังต้องคำนึงถึงพลังความสามารถของตัวคอนเทนต์ ที่สามารถไปถึงผู้รับสารกลุ่มเป้าหมาย ปรับมุมของของผู้รับสารต่อแบรนด์ ซึ่งจะส่งผลสะท้อนกลับเข้ามาหาแบรนด์อีกต่อหนึ่งด้วย

การสร้าง Content Strategy มีหลากหลายรูปแบบและทิศทาง ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสิ่งที่แบรนด์อยากจะให้เกิดขึ้น และที่สำคัญคือต้องสะท้อนตัวตนของแบรนด์ (Brand Identity) อย่างชัดเจน แม้ว่าใครก็สามารถเป็น Content Creator ได้ แต่ไม่ใช่คอนเทนต์ทั้งหมดบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้

นี่คือตัวอย่างของดิจิทัลเทรนด์ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะหลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งตอกย้ำอย่างชัดเจนว่าแบรนด์จะใช้ยุทธวิธีแบบเดิมๆ ในการดำเนินธุรกิจไม่ได้อีก