สวพส.ดึงเอกชนร่วมแผนบูรณาการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จ.เชียงใหม่

สวพส.ดึงเอกชน “วิชัย ทองแตง” จัดประชุมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นบูรณาการ ประสานความร่วมมือรัฐ-เอกชน-สถาบันการศึกษา พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการเผาและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 บนพื้นที่สูง

ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ยังเกิดจุดความร้อนหรือฮอตสปอตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่า PM 2.5 ในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่หลายจุดเกินค่ามาตรฐาน อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยไฟป่าและการเผายังคงเกิดขึ้นติดต่อกันนานนับสัปดาห์ ทำให้เกิดการสะสมฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ในอากาศ

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) (สวพส.) พร้อมด้วยนายวิชัย ทองแตง นักธุรกิจ และนักลงทุนระดับประเทศ และนายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ประชุมเพื่อร่วมวางแผนบูรณาการ ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเผาและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 บนพื้นที่สูง โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วม ณ เรือนกล้วยไม้ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

พร้อมทั้งส่งเสริมด้านอาชีพ ปรับระบบเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูง เพิ่มช่องทางการตลาดผลผลิต ปรับเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ให้เกิดรายได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนบนพื้นที่สูงและประเทศชาติต่อไปในอนาคต นำไปสู่การลดอัตราการเกิดจุดร้อน (Hotspot) บนพื้นที่สูงได้

นายชวลิตกล่าวว่า การลดปัญหาการเผาในภาคเกษตร สวพส. ได้นำองค์ความรู้จากโครงการหลวงมาปรับใช้ในชุมชนบนพื้นที่สูง ส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรแบบดั้งเดิมสู่เกษตรมูลค่าสูง ปรับระบบการปลูกพืชอย่างประณีตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนพื้นที่ 50 ไร่ สร้างรายได้ประมาณ 200,000 บาท

ในขณะที่ปลูกพืชผักในโรงเรือนตามองค์ความรู้จากโครงการหลวงบนพื้นที่ 0.5 ไร่ เกษตรกรสร้างรายได้ประมาณ 200,000 บาท เช่นเดียวกัน แต่ใช้พื้นที่น้อยกว่า วิธีนี้จะช่วยลดอัตราการเกิดจุด Hotspot ในพื้นที่ โดยจากการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่าช่วงปี 2565 มีจุดความร้อนน้อยกว่าปี 2564 ถึง 1,629 จุด

และในช่วง 1 มกราคม-31 มีนาคม 2566 เกิดจุดความร้อนในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง 4,118 จุด คิดเป็นร้อยละ 6 ของการเกิดจุดความร้อนของพื้นที่ 12 จังหวัดที่มีโครงการตั้งอยู่ ที่เกิดจุดความร้อนทั้งหมด 67,861 จุด

นอกจากนี้การปรับระบบการเกษตร ทำให้ชุมชนในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงปางแดงในไม่มีปัญหาการเผา 100% โดยได้รางวัล “ต้นแบบหมู่บ้านปลอดการเผา” จากกรมควบคุมมลพิษ เมื่อปี 2555 และยังได้รับรางวัลเลิศรัฐ การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ประเภทเลื่องลือขยายผล (Participation Expanded) ระดับดีเด่น ประจำปี 2565 ชื่อผลงาน เลื่องลือขยายงาน บ้านปางแดงใน ต้นแบบต่อยอด Towards SDGs

ปัจจุบันชุมชนบ้านปางแดงในเป็นแหล่งเรียนรู้การปรับระบบการปลูกพืชที่ยั่งยืน โดยชุมชนมีเกษตรกรผู้นำรวม 15 ราย ที่ช่วยทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญ ร่วมขับเคลื่อนงานพัฒนากับ สวพส. รวมถึงการเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้การปลูกพืชชนิดต่าง ๆ สู่เกษตรกรรายอื่น ๆ มีแปลงเรียนรู้การปรับระบบการปลูกพืชของเกษตรกร

เมื่อมีการปรับเปลี่ยนระบบเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบกับมีช่องทางการตลาดเพื่อรองรับผลผลิต ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพียงพอในการดำรงชีวิตทั้งครอบครัว เกษตรกรกลับมาดูแล บำรุงรักษาและพัฒนาป่า ขับเคลื่อนการพัฒนาด้วยการใช้แผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลงเป็นเครื่องมือในการกำหนดขอบเขตที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน และพื้นที่ป่า ซึ่งจะช่วยลดปัญหาหมอกควันในระยะยาว

และเพื่อเป็นการริเริ่มการขับเคลื่อน จึงได้มีการลงนามร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับภาคเอกชน ประกอบด้วย บริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด บริษัท กรีน สแตนดาร์ด จำกัด และบริษัท คิว บ็อคซ์ พอยท์ จำกัด โดยมีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สภาลมหายใจเชียงใหม่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 นายอำเภอแม่แจ่ม และ อบต.แม่นาจร เป็นสักขีพยาน

“การลงนามครั้งนี้เป็นความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาการเผาและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 บนพื้นที่สูง โดยตั้งเป้าลดจุด Hotspot ในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ให้คนและป่าอยู่ร่วมกันเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน”

แก้ปัญหาฝุ่นเชียงใหม่