สนทช.จ่อประกาศ “ผังน้ำ” ทั่วไทย หวั่นประชาชนแตกตื่น สะเทือนราคาที่ดิน ธุรกิจกระทบแผนลงทุนใหม่ นำร่องเฟสแรก 5 ลุ่มน้ำ “ชี-มูล-แม่กลอง-บางปะกง-โขงอีสาน” คาดอีก 6 เดือนประกาศราชกิจจาฯ เผยผังน้ำลุ่มเจ้าพระยา-กรุงเทพฯ ระดับตำบลพื้นที่ริมน้ำเกือบทั้งหมดอยู่ในทางน้ำหลาก ขีดเส้นก่อสร้างอาคารต้องไม่กีดขวางทางน้ำในอนาคต
แหล่งข่าวจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันประชาชนหลายจังหวัดทั่วประเทศได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วม ขณะที่หลายพื้นที่ก็ประสบปัญหาการสร้างอาคารกีดขวางทางน้ำหลาก การก่อสร้างโรงงานในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นประจำในฤดูน้ำหลาก การสร้างบ้านในพื้นที่ลุ่มต่ำ
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- บริษัทดังประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- เริ่มจ่ายพรุ่งนี้ 1 พ.ค. ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ-เงินบำนาญขั้นต่ำ 11,000 บาท
ดังนั้น สทนช.จึงได้จัดทำแผนดำเนินการจัดทำ “ผังน้ำทั้ง 22 ลุ่มน้ำ” ภายใต้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 เพื่อเป็นแผนผังแสดงพื้นที่ทางน้ำหลาก พื้นที่น้ำนอง และพื้นที่ลุ่มต่ำ ใน 22 ลุ่มน้ำเพื่อให้มีการกำหนดการใช้ที่ดินให้เหมาะสม ป้องกันการปลูกสิ่งก่อสร้างกีดขวางทางน้ำ และเป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการน้ำ
“ต่อไปใครจะไปขออนุญาตก่อสร้างอาคาร โรงงาน บ้านเรือน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ก็ต้องดูว่า ที่ดินผืนดังกล่าวตั้งกีดขวางทางน้ำ ตามมาตรา 56 ของ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ หรือไม่ หากที่ดินที่ตั้งอยู่ทางน้ำหลาก จะต้องไม่ก่อให้เกิดการเบี่ยงเบนทางน้ำหรือกระแสน้ำหรือกีดขวางการไหลของน้ำ เป็นอุปสรรคต่อแผนป้องกันน้ำแล้งและแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งจะไปกระทบชุมชนคนรอบข้าง” แหล่งข่าวกล่าว
จัดทำผังน้ำใน 22 ลุ่มน้ำ
โดยการจัดทำผังน้ำใน 22 ลุ่มน้ำ ตอนนี้ได้ดำเนินการศึกษาแล้วเสร็จไปหลายลุ่มน้ำ ซึ่งหากลุ่มน้ำใดแล้วเสร็จก่อนก็จะทยอยนำเสนอให้ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พิจารณาและให้ความเห็นชอบและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
ล่าสุดมี 5 ลุ่มน้ำได้ศึกษาแล้วเสร็จสมบูรณ์ โดยผ่านการทำประชาพิจารณ์ 4 รอบ ได้แก่ ลุ่มน้ำชี, ลุ่มน้ำมูล, ลุ่มน้ำแม่กลอง, ลุ่มน้ำบางปะกง และลุ่มน้ำโขงอีสาน (ครอบคลุมจังหวัดเลย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร บึงกาฬ)
ได้เตรียมเสนอให้ กนช.พิจารณาและให้ความเห็นชอบ คาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้เร็วสุดประมาณ 6 เดือน หรือประมาณเดือนเมษายน 2567
ขณะที่อีก 9 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำป่าสัก, ลุ่มน้ำเจ้าพระยา, ลุ่มน้ำสะแกกรัง, ลุ่มน้ำท่าจีน, ลุ่มน้ำปิง, ลุ่มน้ำวัง, ลุ่มน้ำยม, ลุ่มน้ำน่าน, ภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน ได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์ไปแล้ว 4 รอบ แต่ต้องมีการปรับแก้หลังเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยเฉพาะ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีข้อถกเถียงกันค่อนข้างมาก
ดังนั้นกว่าจะผ่านขั้นตอนต่าง ๆ คาดว่าต้องใช้เวลาอีก 1-2 เดือนจะแล้วเสร็จ เพื่อนำเสนอ กนช. และจะประกาศราชกิจจานุเบกษาได้ประมาณปลายปี 2567
ส่วนอีก 8 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำสาละวิน, ลุ่มน้ำโขงเหนือ, โตนเลสาบ, ชายฝั่งทะเลตะวันออก, ลุ่มน้ำเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์, ภาคใต้ฝั่งตะวันตก, ทะเลสาบสงขลา, ภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง กำลังอยู่ในขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์รอบ 2 คาดว่าจะใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 ปีครึ่งกว่าขั้นตอนต่าง ๆ จะแล้วเสร็จ
ส่องพิกัดพื้นที่น้ำหลากภาคเหนือ
ด้าน นายสมเกียรติ อภิพัฒนวิศว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านแผนงานและโครงการ ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า สำหรับร่างผลศึกษาพื้นที่ลุ่มน้ำปิง มีพื้นที่น้ำหลาก รหัสโซน “ล” ประมาณ 0.78 ล้านไร่ (780,000 ไร่) ซึ่งคำนิยามของ พื้นที่น้ำหลาก หมายถึง ทางน้ำธรรมชาติ หรือที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อรองรับน้ำหลากหรือน้ำขึ้นและน้ำลง และให้น้ำสามารถระบายหรือไหลผ่านได้ และพื้นที่ริมตลิ่งที่ออกแบบไว้ให้เป็นทางระบายน้ำท่วม
รวมทั้งพื้นที่ราบหรือลาดบริเวณริมทางน้ำควรใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ทางน้ำหลาก เป็นพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร มิให้เกิดการพัฒนาที่อาจก่อให้เกิดการเบี่ยงเบนทางน้ำหรือกระแสน้ำ หรือกีดขวางการไหลของน้ำในระบบทางน้ำ เว้นแต่การใช้ประโยชน์ที่ดินที่กำหนดไว้เป็นเขตชุมชน เขตอุตสาหกรรม และเขตพื้นที่ป้องกันน้ำท่วมตามผังเมืองรวม ส่วนพื้นที่น้ำหลากริมลำน้ำควรมีระยะถอยร่นริมน้ำตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
ส่วนพื้นที่น้ำนอง รหัสโซน “น” ประมาณ 0.12 ล้านไร่ (120,000 ไร่) โดยคำนิยามของพื้นที่น้ำนอง หมายถึง พื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นประจำในฤดูน้ำหลาก หรือพื้นที่ที่มีศักยภาพเพื่อใช้เป็นที่ชะลอน้ำ โดยมีอาคารบังคับน้ำสำหรับบริหารจัดการน้ำเข้าออก ควรใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นเขตชนบทและเกษตรกรรม และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร มิให้เกิดการพัฒนาที่อาจก่อให้เกิดการเบี่ยงเบนทางน้ำหรือกระแสน้ำ หรือกีดขวางการไหลของน้ำในระบบทางน้ำ เว้นแต่การใช้ประโยชน์ที่ดินที่กำหนดไว้เป็นเขตชุมชน เขตอุตสาหกรรม และเขตพื้นที่ป้องกันน้ำท่วมตามผังเมืองรวม
สำหรับผลการศึกษาผังน้ำ นอกจากแสดงในรูปแผนที่และแผนผังแล้ว ยังจัดทำเป็นเอกสารและคู่มือเพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ประโยชน์ อาทิ ข้อเสนอแนะการเตรียมความพร้อมในด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินในระบบทางน้ำของผังน้ำ เพื่อช่วยลดความเสียหายของชีวิตและทรัพย์สินจากภาวะน้ำท่วม ข้อเสนอแนะการใช้ประโยชน์ที่ดินสำหรับหน่วยงานผู้มีอำนาจอนุญาตการใช้ประโยชน์ที่ดิน คู่มือการบริหารจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้ง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเกิดเอกภาพและเป็นระบบ
ด้าน นางสาวนันทา เจริญผล ผู้เชี่ยวชาญด้านประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วม บมจ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สำหรับผังน้ำลุ่มน้ำปิงมีพื้นที่น้ำหลาก รหัสโซน “ล” 0.78 ล้านไร่ (780,000 ไร่) ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่
1) เชียงใหม่ ครอบคลุมพื้นที่ 15 อำเภอ อาทิ อ.เมืองเชียงใหม่ (ต.แม่เหียะ-ช้างเผือก-ช้างคลาน-ช้างม่อย-วัดเกตุ-ศรีภูมิ-สุเทพ-หนองหอย-ฟ้าฮ่าม) อ.แม่แตง (ต.สันมหาพน-กิ๊ดช้าง), อ.แม่ริม (ต.ห้วยทราย-ดอนแก้ว-เหมืองแก้ว), แม่วาง (ดอนเปา-บ้านกาด-ทุ่งปิ๊), แม่ออน (บ้านสหกรณ์), จอมทอง (แม่สอย-สบเตี๊ยะ-บ้านแปะ), ดอยเต่า (มืดกา), ดอยสะเก็ด (สันปูเลย-แม่โป่ง-แม่คือ), ดอยหล่อ (สองแคว-สันติสุข), สันกำแพง (ทรายมูล-ออนใต้-แม่ปูคา), สันทราย (เมืองเล็น-สันป่าเปา-ป่าไผ่), สันป่าตอง (แม่ก๊า-ท่าวังพร้าว-ทุ่งต้อม), สารภี (ไชยสถาน-ขัวมุง-ท่าวังตาล), หางดง (ขุนคง-สบแม่ข่า-สันผักหวาน), ฮอด
2) ลำพูน ครอบคลุมพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองลำพูน (ต.เวียงยอง-เหมืองง่า-ต้นธง-ริมปิง-อุโมงค์-ศรีบัวบาน), อ.เวียงหนองล่อง, อ.แม่ทา (ต.ทากาศ-ทาขุมเงิน), ทุ่งหัวช้าง, บ้านโฮ่ง, บ้านธิ, ป่าซาง (ปากบ่อง-น้ำดิบ), ลี้ (แม่ตืน) 3) กำแพงเพชร ครอบคลุมพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองกำแพงเพชร (ต.เทพนคร-ไตรตรึงษ์-นครชุม-คณฑี), อ.โกสัมพี, อ.ขาณุวรลักษบุรี (ต.สลกบาตร-แสนตอ), คลองขลุง (หัวถนน), ปางศิลาทอง, พรานกระต่าย (ท่าไม้-วังควง)
4) จ.ตาก ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองตาก (ต.ระแหง-แม่ท้อ-เชียงเงิน), อ.บ้านตาก (ต.แม่สลิด-เกาะตะเภา), อ.วังเจ้า, สามเงา 5) จ.นครสวรรค์ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เก้าเลี้ยว (ต.เขาดิน-หัวดง), อ.เมืองนครสวรรค์ (ต.ปากน้ำโพ-บางม่วง-บ้านแก่ง-บ้านมะเกลือ), อ.บรรพตพิสัย (ต.เจริญผล-ตาขีด-ท่างิ้ว-บ้านแตน)
ส่วนผังน้ำลุ่มน้ำปิง มีพื้นที่น้ำนอง รหัสโซน “น” 0.12 ล้านไร่ (120,000 ไร่) มีเพียง 1 จังหวัด คือ นครสวรรค์ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เก้าเลี้ยว อ.เมืองนครสวรรค์ อ.บรรพตพิสัย
นางสาวนันทากล่าวต่อว่า จากร่างผลการศึกษาผังน้ำพื้นที่ลุ่มน้ำปิงฉบับนี้ หากมองในแง่เศรษฐกิจการลงทุนในอนาคต “ผังน้ำ” ทำให้นักลงทุนทราบขอบเขตพื้นที่น้ำหลาก พื้นที่น้ำนอง และทิศทางการไหลของน้ำหลาก ซึ่งนำไปประกอบการพิจารณาเลือกพื้นที่และแนวทางการป้องกันน้ำท่วม เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกน้ำท่วม
ขณะเดียวกันจากการผลการศึกษาก็ยังพบว่า พื้นที่เศรษฐกิจสำคัญมีระบบป้องกันน้ำท่วมอยู่แล้ว จึงไม่อยู่ในพื้นที่น้ำหลากและพื้นที่น้ำนอง ทั้งนี้ สทนช.กำหนดเบื้องต้นว่า จะปรับปรุงผังน้ำทุก 5 ปี หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน หรือมีการก่อสร้างแหล่งน้ำที่มีผลต่อปริมาณน้ำหรือทิศทางการไหลของน้ำ
ทางน้ำหลากลุ่มเจ้าพระยา
สำหรับรายละเอียดประกอบแผนผังแสดงผังน้ำ “พื้นที่ทางน้ำหลาก” บางพื้นที่ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาในจังหวัดสำคัญ ๆ ยกตัวอย่าง 1) กรุงเทพมหานคร 43 เขต อาทิ คลองเตย, คลองสาน (บางลำภูล่าง), คันนายาว (รามอินทรา), จตุจักร (ลาดยาว), จอมทอง (บางขุนเทียน), ดอนเมือง (สีกัน), ดุสิต (วชิรพยาบาล-ถนนนครไชยศรี), ตลิ่งชัน (คลองชักพระ), ทวีวัฒนา (ศาลาธรรมสพน์), ทุ่งครุ, บางแค (บางไผ่-หลักสอง), บางกอกใหญ่ (วัดอรุณ), บางกอกน้อย (บางขุนนนท์-ศิริราช-บางขุนศรี-อรุณอมรินทร์), ธนบุรี (ดาวคะนอง-ตลาดพลู-บางยี่เรือ-สำเหร่), บางกะปิ (คลองจั่น-หัวหมาก), บางขุนเทียน (แสมดำ-ท่าข้าม), บางคอแหลม (บางโคล่-วัดพระยาไกร), บางซื่อ (วงษ์สว่าง)
บางนา, บางพลัด (บางอ้อ-บางยี่ขัน), บางรัก (มหาพฤฒาราม), บึงกุ่ม, ปทุมวัน (รองเมือง), ประเวศ, ป้อมปราบศัตรูพ่าย (คลองมหานาค-วัดเทพศิรินทร์/โสมนัส), พญาไท, พระโขนง, พระนคร (ชนะสงคราม-บางขุนพรหม-พระบรมมหาราชวัง-วังบูรพา-วัดสามพระยา), ภาษีเจริญ (บางหว้า), มีนบุรี (แสนแสบ), ยานนาวา (ช่องนนทรี-บางโพงพาง), ราชเทวี (ทุ่งพญาไท),
ราษฎร์บูรณะ (บางปะกอก), ลาดกระบัง, วังทองหลาง (พลับพลา), วัฒนา (คลองตันเหนือ), สวนหลวง (พัฒนาการ-อ่อนนุช), สะพานสูง (ราษฎร์พัฒนา), สัมพันธวงศ์ (จักรวรรดิ-ตลาดน้อย), สาทร (ยานนาวา), หนองแขม (หนองค้างพลู), หลักสี่ (ตลาดบางเขน-ทุ่งสองห้อง) และห้วยขวาง (บางกะปิ)
2) นนทบุรี อาทิ อ.เมือง (ต.ไทรม้า-ท่าทราย-บางกระสอ-บางศรีเมือง-สวนใหญ่), อ.ไทรน้อย (ต.ไทรใหญ่-คลองขวาง-หนองเพรางาย), อ.บางใหญ่ (ต.เสาธงหิน-บางเลน), บางกรวย (บางขนุน-บางกอง), บางบัวทอง (บางคูรัด-บางรักใหญ่-บางรักพัฒนา-พิมลราช-ละหาร), ปากเกร็ด (เกาะเกร็ด-คลองพระอุดม-ท่าอิฐ-บางพูด-อ้อมเกร็ด-บางตลาด)
3) สมุทรปราการ อาทิ อ.เมือง (ต.เทพารักษ์-บางปู-ปากน้ำ), อ.บางพลี, อ.พระประแดง (ต.บางกะเจ้า-บางครุ-บางน้ำผึ้ง-สำโรง), พระสมุทรเจดีย์ (แหลมฟ้าผ่า-ในคลองบางปลากด) 4) สมุทรสาคร อาทิ อ.เมือง (พันท้ายนรสิงห์)
5) พระนครศรีอยุธยา อาทิ อ.เสนา (ต.เจ้าเจ็ด-บ้านแพน-บางนมโค-สามกอ), อ.ท่าเรือ (ต.ท่าเจ้าสนุก-ท่าหลวง-โพธิ์เอน), อ.นครหลวง (ต.แม่ลา), บางไทร (เชียงรากน้อย-ราชคราม) , บางซ้าย, บางบาล (กบเจา-มหาพราหมณ์), บางปะหัน (โพธิ์สามต้น), บางปะอิน (เกาะเกิด-ขนอนหลวง), บ้านแพรก, ผักไห่, อ.เมือง (เกาะเรียน-คลองสระบัว-ท่าวาสุกรี-ภูเขาทอง-หอรัตนไชย-หัวรอ), มหาราช (เจ้าปลุก), ภาชี, ลาดบัวหลวง (คลองพระยาบันลือ), วังน้อย และอุทัย (โพสาวหาญ)
6) สิงห์บุรี อาทิ อ.เมือง (ต.จักรสีห์), อ.ค่ายบางระจัน (ต.โพทะเล), อ.ท่าช้าง, บางระจัน (แม่ลา), พรหมบุรี, อินทร์บุรี (ชีน้ำร้าย) 7) อ่างทอง อาทิ อ.เมือง, อ.แสวงหา, อ.โพธิ์ทอง (ต.คำหยาด-อินทประมูล), ไชโย, ป่าโมก (โผงเผง), วิเศษชัยชาญ (ไผ่จำศีล-ศาลเจ้าโรงทอง), สามโก้ 8) อุทัยธานี อาทิ อ.เมือง (ต.ท่าซุง-เกาะเทโพ)
กระทบราคาที่ดิน
ด้านแหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ให้ความเห็นกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สำหรับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การมีผังน้ำปัจจุบันต้องพิจารณาควบคู่ไปกับการประกาศผังเมืองด้วย โดยประกาศผังน้ำมีข้อดีก็คือ ทำให้ทราบข้อมูลและต้องระมัดระวังในการซื้อที่ดินและการก่อสร้างไม่ให้กีดขวางทางน้ำ ก่อความเดือดร้อนให้ส่วนรวม แต่ขณะเดียวกันผังน้ำที่ประกาศออกมาอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาที่ดิน โดยเฉพาะคนที่ซื้อที่ดินเก็งกำไร ก่อนหน้านี้บางคนอาจจะซื้อที่ดินเพราะเห็นราคาถูก แต่เป็นคนต่างพื้นที่จึงไม่ทราบว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ เป็นทางน้ำหลาก อาจจะทำให้ที่ดินแทนที่ราคาจะขึ้นกลับราคาลดลงได้
ด้านนายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผังน้ำที่จะประกาศน่าจะมีผลกระทบต่อนักพัฒนาที่ดินรายย่อยหรือบุคคลทั่วไปที่อาจจะไปลงทุนซื้อที่ดิน โดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูลก่อน เห็นราคาถูกอาจจะสนใจซื้อไว้ ดังนั้นหากมีการประกาศออกมาเป็นทางการจะมีผลกระทบ หากที่ดินตามโฉนดเลขที่นั้นถูกระบุเป็นที่ลุ่มน้ำต่ำ ทางน้ำไหลผ่าน ก็จะมีผลกระทบต่อราคาที่ดิน เพราะนักพัฒนาอสังหาฯคงต้องเว้นพื้นที่บริเวณนี้ ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นจะกระทบในการซื้อขายเปลี่ยนมือ “ทุกวันนี้ในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ เวลาซื้อที่ดินจะดูแผนที่ย้อนหลัง 10-15-20 ปีว่า บริเวณที่ดินที่จะซื้อเป็นที่ดิน เป็นที่ลุ่ม เคยถูกน้ำท่วม หรือเคยมีประเด็นปัญหาต่าง ๆ หรือไม่ ซึ่งพัทยาเองมีปัญหาน้ำท่วม”