รังนกนางแอ่นพัทลุง 7 ถ้ำ เสียหาย 70% ใช้เวลาฟื้นฟู 1 ปี

“รังนกอีแอ่น” พัทลุง ประเมินเงินหายจำนวนมาก ระบุเข้าสู่ตลาดมืดเดิมกรุงเทพฯ หาดใหญ่ ส่งต่อประเทศจีน เสียหายหนัก “แม่นกหนี ลูกนกตาย” กว่าจะฟื้นฟูคืนรังใช้เวลา 1 ปี ระบุเสียหายประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์

นายประเสริฐ ดำสุด อดีตกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง และอดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” กรณีเกิดการโจรกรรมรังอีแอ่น ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง จำนวน 7 ถ้ำ ช่วงระหว่างการเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานจัดเก็บรังนกอีแอ่นรายใหม่

หลังจากที่รายเดิมหมดสัมปทานลงตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 นั้น ในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุงครั้งล่าสุด ซึ่งมี นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธาน ได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สำหรับรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ตนเองได้รับรายงานว่า ได้รับความเสียหายเกิดจาก 1.การก่อไฟในถ้ำเพื่อทำเป็นแสงสว่าง แต่เกิดควันไฟภายในถ้ำที่รังนกอีแอ่นทำรังอยู่

ส่งผลให้แม่นกอีแอ่นต้องหลบหนีควันไฟออกจากถ้ำไปปริมาณมาก 2.การโจรกรรมรังนกอีแอ่น จะต้องมีการแทงรังนก ทำให้มีการไปเสียบตัวนกอีแอ่นที่กำลังวางไข่ และลูกนกตัวเล็กที่กำลังจะบินได้ รวมถึงบางรังยังเป็นลูกนกที่เพิ่งออกจากไข่ตัวแดง ๆ ทำให้ลูกนกตาย

“โดยทราบข้อมูลมาว่า รังนกอีแอ่นถูกโจรกรรมไปมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท พร้อมกับนกอีแอ่นที่ได้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก คิดเป็นเงินจำนวนมากเช่นกัน”

นายประเสริฐกล่าวต่อไปว่า รังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ตามสัญญาสัมปทานจะมีการเก็บเกี่ยวรังนกอีแอ่นปีละ 3 ครั้ง และครั้งสุดท้ายก่อนหมดสัญญาสัมปทาน ผู้ได้รับสัมปทานมิได้เก็บเกี่ยวแต่อย่างใด เว้นวรรคไว้เพื่อให้มีการขยายพันธุ์และให้มีความสมบูรณ์

และก่อนหมดสัญญาสัมปทานก่อนที่บริษัทผู้ได้รับสัมปทานจะถอนตัวออกจากเกาะรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ก็ได้สำรวจรังนกอีแอ่นล่าสุดว่ายังมีความสมบูรณ์มาก

กว่าจะหาผู้รับสัมปทานรายใหม่ ระยะเวลานั้นเกิดสุญญากาศประมาณ 88 วัน โดยทางจังหวัดพัทลุง องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง สำนักอนุรักษ์ที่ 6 สงขลา และตำรวจ

ต่างได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ารักษาความปลอดภัยเฝ้าระวังป้องกันรังนกอีแอ่น โดยใช้งบประมาณไปกว่า 5 ล้านบาท แต่ท้ายสุดรังนกอีแอ่นก็ยังถูกโจรกรรมไป ซึ่งสร้างความเสียหายไปกับจังหวัดพัทลุงเป็นจำนวนมาก

จึงเห็นด้วยตามที่นายนริศ ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง (ปชป.) และอดีตประธานกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการให้กระทรวงมหาดไทย เข้ามาทำการตรวจสอบสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นกับรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง

สำหรับประเด็นรังนกอีแอ่นเรื่องการโจรกรรม จะต้องเป็นมืออาชีพเกี่ยวกับรังนกอีแอ่น และจะต้องทำเป็นขบวนการและมีหลายขบวนการ สำหรับผู้ชำนาญเก็บเกี่ยวรังนกอีแอ่นมีหลายจังหวัด ตั้งแต่ จ.ตรัง พัทลุง สงขลา และ จ.สตูล ฯลฯ แต่ไม่ชัดเจนจะมาจากพื้นที่ใดที่เข้ามาโจรกรรมรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง

“แต่มีทางที่จะรับทราบ ทางตำรวจจะต้องขยายผลจากการจับกุมกลุ่มโจรกรรมรังนกอีแอ่น และกลุ่มจำหน่ายรังนกอีแอ่นที่ จ.พัทลุง โดยทางตำรวจภาค 9 เป็นผู้จับกุมได้”

สำหรับทางด้านการตลาดรังนกอีแอ่นที่โจรกรรมไป เชื่อว่าจะเข้าสู่ตลาดมืดออกขายโดยเฉพาะรายใหญ่แต่เดิมนั่นคือ กรุงเทพฯ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และสำหรับแหล่งล้างรังนกอีแอ่นก็มีอยู่หลายจังหวัด

“ปัจจุบันมีการเลี้ยงรังนกอีแอ่นบ้านกันมาก โดยราคารังนกอีแอ่นบ้าน ราคาประมาณ 20,000 บาท ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ ในการที่จะนำรังนกอีแอ่นบ้านมาสวมเป็นรังนกธรรมชาติเกาะถ้ำกลางทะเล ประเด็นนี้ไม่ทราบ แต่ราคาต่างกันมาก เพราะรังนกอีแอ่นธรรมชาติ ราคา 70,000-80,000 บาท/กก.”

แหล่งข่าวในวงการค้ารังนกอีแอ่นกล่าวว่า รังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุงเก็บเกี่ยวประมาณ 3 ครั้ง/ปี เก็บเกี่ยวในปีแรกของสัมปทานครั้งนี้ จะไม่สามารถเก็บได้ตามปริมาณ

เพราะได้รับความเสียหายไปประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ปัญหาสำคัญมากคือ แม่นกอีแอ่นหลบหนีออกจากถ้ำหมด และลูกนกอีแอ่นตายเป็นปริมาณมาก กว่าจะคืนสู่สภาพปกติ และกว่าแม่นกอีแอ่นกลับมา จะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี แล้วจะเข้าสู่สภาพปกติ

“สำหรับรังนกอีแอ่นที่ถูกโจรกรรมไป เชื่อว่าจะต้องผ่านผู้ซื้อปลายทางแล้วจัดส่งจำหน่ายไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน มีบางรายได้ติดต่อพ่อค้าใน จ.พัทลุง ที่จะขายรังนกอีแอ่นให้ แต่พ่อค้าเหล่านั้นก็ปฏิเสธไป ทำให้ทราบว่ามีการไปปล่อยขายในตลาดที่ จ.สุราษฎร์ธานี”