สงขลา-ยะลา-ปัตตานีโวย “ล็อกดาวน์” ทุบเศรษฐกิจทรุด

สงขลา-ยะลา-ปัตตานีโวย “ล็อกดาวน์” ทำระบบเศรษฐกิจทรุด วอน ศบค.อย่าประกาศเหวี่ยงแห ให้เกาตรงที่คัน เผยที่ผ่านมาประกาศล็อกดาวน์ แต่การปฏิบัติจริงไม่มี

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้สูงขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ใน 10 ทั้งสงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และมีข่าวว่า

การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในวันที่ 14 ตุลาคม 2564 อาจมีการปรับเพิ่มมาตรการเข้มงวดประกาศล็อกดาวน์ 4 จังหวัดชายแดนใต้อีกครั้ง เพื่อควบคุมโรค

นายกวิศพงศ์ สิริธนนนท์สกุล กรรมการหอการค้าไทย และประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า

หากรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์อีกครั้ง ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเพราะที่ผ่านมาการล็อกดาวน์ได้ทำลายระบบเศรษฐกิจและผู้ประกอบการมามากแล้ว ควรไปแก้ที่ต้นเหตุ

โดยเฉพาะการรณรงค์หรือกึ่งบังคับให้ประชาชนในจังหวัดฉีดวัคซีน 100% โดยเฉพาะชาวไทยมุสลิมบางส่วนที่ยังไม่ยอมฉีดวัคซีน ด้วยความเชื่อ และยังคงดำเนินวิถีชีวิตประจำวันปกติ มีการรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมต่าง ๆ

ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มวัยรุ่นแอบลักลอบจัดกิจกรรม จัดงานวันเกิด ดังนั้นควรมีมาตรการคุมเข้ม ใครจัดงานที่ไม่ใช่งานประเพณีให้จับปรับ

การล็อกดาวน์ที่ผ่านมาส่งผลกระทบ1.ธุรกิจร้านอาหารท้องถิ่น ซึ่งตอนนี้กลืนไม่เข้า คลายไม่ออกกัน การนั่งรับประทานในร้านไม่ได้ ก็ขายไม่ได้ พอไปทำดีลิเวอรี่ก็ถูกผู้ให้บริการแอปฟู้ดดีลิเวอรี่คิดค่าคอมมิสชั่น (GP) สูงถึง 30-35%

ทำให้ต้องปิดกิจการ 2.ร้านค้าทั่วไปแทบจะขายของไม่ได้ เพราะประชาชนไม่ออกจากบ้าน 3.ธุรกิจท่องเที่ยวทั้งโรงแรม รถรับจ้าง มัคคุเทศก์ตายสนิทและลุกลามไปภาคธุรกิจต่าง ๆ

4.ระบบการรายงานตัวไปพื้นที่สีแดงไม่ชัดเจน เช่น มีคนหาดใหญ่มากรุงเทพฯ กลับไปจะให้ไปรายงานตัวที่ไหน เพราะชุมชนไม่มี อสม. จึงแนะนำให้ไปรายงานตัวที่เทศบาลหาดใหญ่ ควรจะปรับเพิ่มบุคลากร อสม.ให้เพียงพอ

“ที่ผ่านมาภาครัฐประกาศล็อกดาวน์ 4 จังหวัด หวังให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลง แต่การล็อกดาวน์ที่ผ่านมาเป็นเพียงคำพูด แต่การปฏิบัติจริงไม่มี เช่น การข้ามจังหวัดเข้มงวด ปรากฏว่า

ผมนั่งรถไป-กลับจาก จ.สงขลาไปถึง จ.ปัตตานี ไม่มีการตรวจอะไรเลย เดือนก่อนผมนั่งรถจาก สงขลาไปกระบี่ รอยต่อแต่ละจังหวัดไม่มีการตั้งด่านเลย”

นายอิทธิพัทธ์ ศิริเสรีวัฒนา ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดยะลา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อ
ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมในยะลาอย่างมาก

ส่งผลให้ขาดแคลนแรงงาน กระทบกำลังการผลิต เนื่องจากชุมชนถูกล็อกดาวน์ พนักงานมาทำงานไม่ได้, แรงงานที่ติดโควิดต้องถูกกักตัว 14 วัน และแรงงานอีกส่วนที่ไม่ติดโควิด

กลัวทำการเกษตรอยู่บ้าน ไม่อยากมาทำงานในโรงงาน นอกจากนี้ทางจังหวัดเข้มงวดให้ตรวจ ATK 10% ของพนักงานทั้งหมดในทุกเดือน”

รวมถึงการทำมาตรการ bubble and seal เป็นปัญหาที่ยังต้องทำความเข้าใจกับแรงงานจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัด เพราะโรงงานในยะลาคนที่มาทำงานส่วนใหญ่เป็นคนในท้องถิ่นไม่มีที่พักภายในโรงงาน

จึงเสนอขอให้พิจารณาทำเพียงศูนย์พักคอยในโรงงาน เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายประการ และทางจังหวัดยังมีเตียงโรงพยาบาลสนามที่เพียงพอ

นายศิริชัย ปิติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตอนนี้คนปัตตานีกลัวจะถูกล็อกดาวน์อีกรอบ ธุรกิจที่กำลังทะยานขึ้นมาจะไหลลง

ปัญหาอยู่ตรงไหนควรไปแก้ตรงนั้นมากกว่าประกาศล็อกดาวน์เหวี่ยงแหทั้งระบบ คนที่พยายามทำตามกติกากำลังหมดกำลังใจ เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ให้ความร่วมมือแล้วเกิดปัญหา

“ตอนนี้ภาคธุรกิจเองก็ย่ำแย่จากโควิดระบาดในช่วง 2 ปี จริง ๆ อยู่ที่ความเข้าใจของประชาชน หรือพฤติกรรมความร่วมมือของคนในจังหวัด ถ้าประกาศแล้วไม่ได้รับความร่วมมือ

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีความเข้มงวดให้ปฏิบัติตามที่ ศบค.บังคับมันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ผลเสียไปตกอยู่กับภาคธุรกิจและประชาชนที่ต้องทำมาหากินมากกว่า”