มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.เดินเกมรุกปี 2567 ทุ่มงบฯ 2,000 ล้าน เปิดสาขาใหม่กว่า 100 สาขา พร้อมเตรียมขยายช่องทางออนไลน์ Lazada-TikTok Shop เสริมแกร่งธุรกิจ เดินหน้าเพิ่มรายการสินค้าให้มีความหลากหลาย ควบคู่ไปกับการจัดแคมเปญ-โปรโมชั่นต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อมุ่งสู่ร้านสะดวกซื้อครบวงจรด้านสินค้าเบ็ดเตล็ดและอุปกรณ์ตกแต่ง และปรับปรุงซ่อมแซมบ้านที่ดีที่สุดของประเทศ
นายแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. ประเทศไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญและมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีขนาดใหญ่ที่สุดในธุรกิจของมิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.ทั่วโลก นอกเหนือจากบริษัทแม่ในมาเลเซีย และยังมีโอกาสในการทำตลาดได้อีกมาก โดยไทยมีจำนวนสาขาสัดส่วน 20% จากจำนวนสาขาทั่วโลกกว่า 3,500 สาขา ใน 11 ประเทศ อาทิ มาเลเซีย ไทย บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ สเปน ตุรกี กัมพูชา อินเดีย และเวียดนาม
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ปัจจุบันมิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.มีสาขาในไทยรวม 770 สาขา หลังจากเปิดบริการในไทยเมื่อปี พ.ศ. 2559 ซึ่งเป็นตลาดแรกนอกมาเลเซีย โดยกระจายใน 73 จังหวัดแล้ว รวมถึงยังสามารถดึงดูดคนเข้ามาใช้บริการได้มากกว่า 77,000 ล้านคน โดยมิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.ถือเป็นผู้นำในตลาดร้านอุปกรณ์ตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน โดยมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 35% ในปี 2022
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2567 บริษัทยังคงมุ่งสร้างการเติบโตด้วยการเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ได้ทุ่มฯงบ 2,000 ล้านบาท ในการเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 100 กว่าสาขา ในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงในภาคอีสานและภาคใต้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหลัก ๆ จะขยายไปในโซนที่มีชุมชน ใกล้โรงเรียน หรือบริเวณที่ยังไม่เคยไปเปิด อาทิ ระนอง พังงา ยะลา แม่ฮ่องสอน เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
สำหรับรูปแบบการขยายสาขาส่วนใหญ่จะเน้นเปิดเป็นสแตนด์อะโลนประมาณ 80% และสาขาในห้างสรรพสินค้า 20% ซึ่งตัวร้านจะมีขนาดประมาณ 700-800 ตร.ม. เพื่อที่จะง่ายต่อการเลือกทำเลที่ตั้ง โดยตั้งเป้าสิ้นปีจะเปิดครบ 934 สาขา และนอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งด้านสินค้า ด้วยการนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ ที่มีความหลากหลาย และราคาย่อมเยา ควบคู่ไปกับสินค้าที่ตอบโจทย์ตามเทศกาลสำคัญต่าง ๆ รวมถึงสินค้าลิขสิทธิ์
เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันสินค้าภายในร้านจะมีทั้งหมด 15,000 รายการ ประกอบด้วยสินค้าใน 6 แผนกหลัก อาทิ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และเครื่องมือช่าง เครื่องใช้ในครัวเรือน และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา ของเล่น และหมวดหมู่อื่น ๆ เป็นต้น
“สำหรับในส่วนของการใช้จ่ายต่อบิลจะอยู่ที่ประมาณ 180-200 บาท ซึ่งประมาณ 50% ลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้ามาซื้อสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือน และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และเครื่องมือช่างเป็นหลัก”
นอกจากกลยุทธ์การขยายสาขาและการเพิ่มสินค้าแล้ว ยังมีแผนจะเดินหน้ากระตุ้นการจับจ่ายและสร้างสีสันให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเตรียมจะเปิดตัวแคมเปญสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ภายใต้แคมเปญ “ช้อปเกินครบ คุ้มเกินคาด” ในเดือนเมษายน 2567 นี้ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และคงให้แบรนด์เป็นที่จดจำของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
รวมไปถึงยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์กับลูกค้าผ่านหลากหลายกิจกรรมของแบรนด์ตลอดทั้งปี โดยจะมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชั่นตามเทศกาลต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลตรุษจีน วาเลนไทน์ สงกรานต์ ฮัลโลวีน และคริสต์มาส เป็นต้น
ขณะเดียวกันก็มีแผนเสริมความแข็งแกร่งด้านการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ ด้วยการเปิดตัวช่องทางขายออนไลน์ใหม่ 2 ช่องทาง ได้แก่ LazMall ซึ่งได้เปิดไปแล้วเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา และ TikTok Shop ที่เตรียมจะเปิดในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ เพื่อมอบความสะดวกสบายและช่องทางการเข้าถึงสินค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า หลังจากในปีที่ผ่านมาได้มีการรุกช่องทางค้าปลีกออนไลน์ด้วยการเปิดออฟฟิเชียลเว็บไซต์ MRDIY.CO.TH สำหรับขายสินค้าตรงไปยังผู้บริโภค และเปิดร้านค้าออฟฟิเชียลบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซช้อปปี้ไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังคงมุ่งเน้นกิจกรรมด้านความยั่งยืน (ESG) ด้วยเช่นกัน โดยมีแผนการขยายการใช้รถไฟฟ้าในการดำเนินกิจการ รวมถึงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาสาขาต่าง ๆ เพื่อผลิตพลังงานหมุนเวียนและลดการใช้แหล่งพลังงานจากฟอสซิล นอกจากนี้ ยังคงให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทางสังคม ด้วยการสร้างโอกาสทางการจ้างงาน เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างพลังให้ชุมชนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
“มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.ไม่เพียงแต่เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้าให้กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสทางการจ้างงานที่สำคัญให้แก่ผู้คนในชุมชน ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างพลังให้ชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศไทยอีกด้วย
โดยคาดการณ์ว่าจากการที่บริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มในปีนี้ จะทำให้มีอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2,000 ตำแหน่ง จากปัจจุบันที่มีอัตราการจ้างงานอยู่ 9,000 ตำแหน่ง และมั่นใจว่าจากแผนการขยายธุรกิจในปีนี้ จะสร้างความแข็งแกร่งและตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านค้าปลีกสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมบ้านที่มีสาขามากที่สุด และได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยได้เป็นอย่างมาก”