เครื่องมือแพทย์เกาหลีบุก “วอนเทค” ชิงเค้ก 6 หมื่นล้าน

เครื่องมือแพทย์ เสริมความงาม
นายไอแซค จาง

วอนเทค ยักษ์ความงามเกาหลีมั่นใจตลาดความงามไทย 6 หมื่นล้านโตแรง ปักธงสำนักงานใหม่ในไทย หวังดันขึ้นแท่นฮับศูนย์ฝึกด้านความงามอาเซียน ขนทัพสินค้าโหมการตลาดผ่านโซเชียล-อัพเกรดทีมช่าง โลจิสติกส์เสริมจุดแข็งเจาะเซ็กเมนต์ยกกระชับใบหน้า-เลเซอร์ หวังสร้างยอดขาย 1,000 ล้านใน 3 ปี

นายไอแซค จาง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วอนเทค เอเชีย จำกัด ผู้ผลิต นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์สัญชาติเกาหลี อาทิ เครื่องยกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ เครื่องรักษาต่อมลูกหมาก และอื่น ๆ กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงทั้งในฐานะตลาดสำหรับทำธุรกิจ และการเป็นฮับสำหรับต่อยอดธุรกิจไปในประเทศต่าง ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต หลังตลาดเวชศาสตร์ความงามไทยมีมูลค่าถึง 6 หมื่นล้านบาท หลังโตต่อเนื่อง 8 ปี และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีข้างหน้า

เนื่องจากเทรนด์การให้ความสำคัญกับความงาม โดยเฉพาะผิวพรรณซึ่งชาวไทยทั้งผู้หญิงและผู้ชายจำนวนมากมีแนวคิดเรื่อง Beauty Bring Money หรือการใช้ความงามเป็นใบเบิกทางสร้างอาชีพและรายได้ ขณะเดียวกันกลุ่มผู้หญิงเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนกลุ่มผู้ชายหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น แนวคิดนี้ทำให้ทั้งฐานลูกค้าและมูลค่าของตลาดความงามไทยขยายตัวต่อเนื่อง

สะท้อนจากการมีคลินิกมากกว่า 6,000 แห่ง กระจายในทุกพื้นที่เพื่อรองรับดีมานด์ในประเทศ ขณะเดียวกันจุดเด่นด้านราคาค่าใช้จ่ายและการบริการทำให้ไทยมีสถานะเป็นฮับด้านความงามในสายตาชาวต่างชาติด้วย

อย่างไรก็ตาม การเติบโตและดีมานด์ที่สูงนี้ทำให้การแข่งขันสูงตามไปด้วย ไม่เพียงการแข่งขันระหว่างคลินิกแต่รวมถึงการแข่งขันระหว่างผู้ผลิต ผู้นำเข้าหรือผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์ด้านความงามที่ต่างพยายามส่งสินค้าของตนเข้าในช่องทางต่าง ๆ

ผู้จัดการทั่วไปของวอนเทค เอเชีย กล่าวต่อไปว่า กระแสการเติบโตนี้ และการแพทย์ของไทยที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง รวมถึงความสะดวกในการเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค ทำให้บริษัทตัดสินใจเปลี่ยนยุทธศาสตร์เพิ่มความเข้มข้นและเร่งสปีดธุรกิจ ด้วยการเข้ามาปักธงตั้งบริษัททำการตลาดและจัดจำหน่ายโดยตรง แทนการจำหน่ายผ่านตัวแทนที่ทำมานานกว่า 10 ปี พร้อมเป้าตั้งให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจและ Training Hub ของบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 3 ปี

ทั้งนี้ในช่วงแรกจะโฟกัสกับตลาดความงามเป็นอันดับแรก เช่น เครื่องเลเซอร์ เครื่องยกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ เครื่องรักษาเส้นเลือดขอด ก่อนจะตามด้วยอุปกรณ์การแพทย์อื่น ๆ ในอนาคต พร้อมทุ่มงบฯซึ่งจะแบ่งเป็น 70% สำหรับวิจัยพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและแพทย์ ส่วนอีก 30% จะใช้สำหรับสื่อสารการตลาดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับผู้ประกอบการคลินิก และให้ผู้บริโภครู้จักทรีตเมนต์ที่ใช้อุปกรณ์ของบริษัท

สำหรับแผนการรุกตลาดความงามนั้นจะโฟกัสกลุ่มผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าด้วยวิธีการยกกระชับใบหน้า และการใช้เลเซอร์ แต่ไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งเป็นเทรนด์มาแรงในวงการความงาม โดยมีหัวหอกเป็น โอลิจิโอ้ (Oligio) โปรแกรมยกกระชับผิวหน้าและลำคอด้วยคลื่นวิทยุ ซึ่งผ่านการรับรองของหน่วยงานกำกับดูแล ทั้ง FDA ในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และ อย.ของไทย ก่อนจะมีสินค้าใหม่ในกลุ่มเลเซอร์เข้ามาอีก 3 รุ่น

“ตอนนี้คนไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวนไม่น้อยนิยมการดูแลผิวแบบที่ใช้เวลาไม่นานในแต่ละครั้ง รวมถึงไม่ชอบความเจ็บและการต้องใช้เวลาพักฟื้น อย่างการทำศัลยกรรม หรือฉีดสารเข้าใบหน้า จึงเป็นโอกาสสำหรับโปรแกรมของบริษัทที่ตอบโจทย์ทั้ง 2 ข้อ”

รวมถึงใช้ประโยชน์ในฐานะผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์นำเครื่องมือแพทย์หลากหลายระดับราคาจากเกาหลีใต้เข้ามาจำหน่าย เพื่อให้สามารถตอบรับดีมานด์ของผู้ประกอบการคลินิกได้ทุกระดับตั้งแต่แมสถึงพรีเมี่ยม รวมกับอัพเกรดความรวดเร็วของการบริการหลังการขาย หลังดึงตัวทีมวิศวกรจากเกาหลีใต้เข้ามา ควบคู่กับการขยายทีมช่าง, ทีมบริการหลังการขายและทีมขนส่ง

พร้อมกันนี้จะระดมทำสื่อสารและการตลาด โดยสำหรับผู้บริโภคจะสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโปรแกรมโอลิจิโอ้ผ่านโซเชียลมีเดียและสื่อนอกบ้าน เพื่อสร้างดีมานด์การใช้บริการซึ่งจะกลายเป็นดีมานด์เครื่องมือ ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการคลินิกความงามจะเน้นย้ำว่าบริษัทเข้ามาทำตลาดเองแล้ว และข้อได้เปรียบต่าง ๆ ที่ตามมา เช่น ราคา และความเร็วในการบริการหลังการขาย ไปจนถึงเดินสายจัดเวิร์กช็อปและคอนเฟอเรนซ์ตามหัวเมืองของแต่ละภาคเพื่อสร้างการรับรู้กับแพทย์

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างประสานงานกับโรงเรียนแพทย์เพื่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมด้านความงามภายในปี 2567 นี้ ตามเป้าให้ไทยเป็น Training Hub ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ส่วนธุรกิจด้านเครื่องมือแพทย์สำหรับรักษาโรค เช่น เครื่องรักษาต่อมลูกหมาก และอื่น ๆ นั้นคาดว่าจะเริ่มทำตลาดในปี 2568

นายไอแซคทิ้งท้ายว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 250 ล้านบาท ในปี 2567 ก่อนจะขยับเป็น 1,000 ล้านบาท ใน 3 ปี พร้อมครองส่วนแบ่งทางการตลาด 25% ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เลเซอร์ และคลื่นวิทยุ