ขายตรง 9 หมื่นล้านโตสะพรั่ง “นูสกิน” เปลี่ยนระบบปันผล

ตลาดขายตรง 90,000 ล้านบาทขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการปรับตัวด้านดิจิทัล นู สกิน เปิดกลยุทธ์พัฒนาสินค้า แพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมชูระบบปันผลรูปแบบใหม่ดึงคนรุ่นใหม่เพิ่มฐานนักธุรกิจ

นางสาวภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธาน นู สกิน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดขายตรงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตที่ดี โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา กลุ่มนู สกิน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีรายได้ 70 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย 3 ประเทศที่มียอดขายสูงสุดคือ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ขณะที่เวียดนามเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด

สำหรับกลยุทธ์หลักปีนี้จะเดินหน้าด้วย 3 กลยุทธ์ ได้แก่ เพิ่มสินค้า โดยเน้นการออกสินค้าใหม่ในกลุ่มเอจล็อก ล่าสุดเปิดตัว “เอจล็อค ลูมิสปา” ในกลุ่มประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี จึงมีเป้าหมายเปิดตัวต่อในประเทศเอเชียเหนือ จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ “มี คอมเมิร์ซ” (Me Commerce) เพื่ออำนวยความสะดวก คาดว่าจะทำให้ภาพรวมนู สกิน กลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตขึ้น 10-12% และมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 20%

ด้านนางสาววิภาดา ตั้งปกรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดขายตรงในไทยปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยข้อมูลจากสมาคมการขายตรงไทย คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโต 5% หรือมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 99,401 ล้านบาท และมีจำนวนนักธุรกิจขายตรง 11.25 ล้านคน โดยปัจจัยการเติบโตมาจากการปรับตัวรับกระแสตลาดดิจิทัลมากขึ้น

สำหรับทิศทาง นู สกินจากนี้จะเน้นพัฒนาสินค้ากลุ่มบิวตี้แก็ดเจต (beauty gadgets) นำเสนอนวัตกรรมใหม่ ด้วย 3 สินค้าเรือธง เช่น เครื่องมือทำทรีตเมนต์ เครื่องมือบำรุงผิวหน้าเฉพาะบุคคล เป็นต้น และพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงการพัฒนาโปรแกรมปันผลระบบใหม่ภายใต้ชื่อ “เวโลซิตี้” ชูโปรแกรมการจ่ายคอมมิสชั่นที่มีความยืดหยุ่น จูงใจ และรวดเร็ว เพื่อดึงกลุ่มมิลเลนเนียล (gen M) ที่มีอายุระหว่าง 18-34 ปี

ทั้งนี้ “เวโลซิตี้” มีโครงสร้างแผนการจ่ายเงินปันผลแบ่งออกเป็น 3 แนวทาง คือ สมัครสมาชิกจะมีผลตอบแทน 5-20% 2.การสร้างเครือข่าย และ 3.นำทีม (lead) การเข้าสู่องค์กรหรือทำธุรกิจเป็นผู้นำในการสร้างทีม ที่อาจได้ผลตอบแทนถึง 50% โดยแผนเงินปันผลดังกล่าวจะเริ่มใช้เดือนกรกฎาคมนี้